Nagasaki: เที่ยว“นะงะซะกิ”ดินแดนแห่งพหุวัฒนธรรมและสันติภาพ

Loading

ที่เที่ยว nagasaki

Nagasaki, Kyushu Japan  
นะงะซะกิ, คิวชู ญี่ปุ่น

กลับมาอีกครั้งกับการรีวิวที่เที่ยวทั้งจังหวัด คราวนี้วาฬมาในธีมไทม์แมชชีน ย้อนเวลากลับไปสำรวจเรื่องราวในอดีตที่ล้วนแล้วแต่ มีความสำคัญอย่างมาก และน่าตื่นตาตื่นใจทั้งนั้น โดยสถานที่ทุกแห่งในคราวนี้ รวมอยู่ใน “ Nagasaki นะงะซะกิ ” เพียงจังหวัดเดียว แต่เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายในหลากหลายแง่มุม ใครที่ชอบ ประวัติศาสตร์, บรรยากาศแบบย้อนยุค, พิพิธภัณฑ์ที่ทันสมัย และวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม แล้วล่ะก็ ห้ามพลาดรีวิวนี้ด้วยประการทั้งปวงเลยครับผม

nagasaki

จังหวัดนะงะซะกิ ตั้งอยู่ทางตะวันตก ของภูมิภาคคิวชู สามารถเดินทางไปได้อย่างสะดวก จากเมืองท่องเที่ยวหลักอย่าง ฟุกุโอะกะ (Fukuoka) (มีสายการบิน ที่บินตรงจากประเทศไทยไปลงที่ ฟุกุโอะกะ เลย) จังหวัดนะงะซะกิ อัดแน่นไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ที่ไม่ใช่แค่เพียงสำคัญต่อชาวญี่ปุ่นเท่านั้น แต่สำคัญต่อมนุษยชาติเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะ เหตุการณ์การถูกทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ ในช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 นั่นเองครับ

ถึงจะใช้คำว่า จังหวัดนะงะซะกิ แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว เราจะเที่ยวกันใน “เมืองนะงะซะกิ” (ชื่อเดียวกับจังหวัด) เป็นหลักครับ เพราะที่เที่ยวส่วนมากจะกระจุกอยู่ในตัวเมืองนี่แหละ ข้อดีก็คือ การเดินทางระหว่างแต่ละที่ในเมืองนั้นไม่ไกลกันมาก และสามารถไปได้สะดวกสุด ๆ ด้วยระบบรถราง โดยวาฬขอแนะนำให้ซื้อเป็นตั๋วแบบเหมาจ่าย (ขึ้น-ลง กี่ครั้งก็ได้ภายใน 1 วัน) ในราคาเพียง 500 เยน เท่านั้น ประหยัดมาก ๆ ฮะ (ส่วนบางแห่ง ที่รถรางไปไม่ถึง ก็จะใช้รถบัสแทนครับ)

ที่เที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ใน ตัวเมืองนะงะซะกิ นั้น วาฬรับประกันได้ว่า จะมอบความรู้สึก ครบทุกรสชาติแก่ทุกคนจริง ๆ เริ่มตั้งแต่ ดำดิ่งที่สุด กับ เหตุการณ์โศกนาฏกรรรมนิวเคลียร์, อินเตอร์ที่สุด กับ พหุวัฒนธรรม ทั้งจีน, ดัตช์ และญี่ปุ่น, ชิลล์ที่สุด กับ คลองน้ำใส และเงาสะท้อนสะพานหินโบราณ, โรแมนติกที่สุด กับ วิวเมือง ที่สวยงามติดอันดับต้น ๆ ของญี่ปุ่น ไปจนถึง หลอนที่สุด กับเกาะร้างแสนอ้างว้างกลางทะเล 

สำหรับที่เที่ยวนอกเมืองนะงะซะกิ (แต่ยังอยู่ในเขตจังหวัดนะงะซะกิ) ในรีวิวนี้ จะมีเพียง 1 แห่ง เท่านั้นฮะ ก็คือ เฮาส์ เทน บอช (Huis Ten Bosch) ธีมปาร์คขนาดใหญ่ประจำจังหวัด ดังนั้น การเดินทางด้วยรถราง และรถบัสจะไม่ครอบคลุมนะครับ ต้องเดินทางด้วยรถไฟเจอาร์ (JR) ซึ่งค่อนข้างไกลกว่าจุดอื่น ๆ อยู่มาก หากจะไป ต้องวางแผนเรื่องเวลาดี ๆ ด้วยครับผม

สำหรับรายการที่เที่ยว ซึ่งวาฬจะพูดถึงทั้งหมดในรีวิวจังหวัดนะงะซะกิ มีดังต่อไปนี้ครับ

1. Huis Ten Bosch
เฮาส์ เทน บอช 
2. Nagasaki Penguin Aquarium
นะงะซะกิ เพนกวิน อควาเรียม
3. Nagasaki Atomic Bomb Museum
พิพิธภัณฑ์ระเบิดปรมาณูนะงะซะกิ
4. Nagasaki Peace Park
สวนสันติภาพนะงะซะกิ
5. Meganebashi (Spectacles Bridge)
สะพานเมกะเนะบาชิ (สะพานแว่นตา)
6. Shinchi Chinatown
ย่านชินจิ ไชน่าทาวน์
7. Dejima
เดจิมะ
8. Hashima Island (Gunkanjima)
เกาะฮาชิมะ (กุงคันจิมะ)
9. Mount Inasa
ภูเขาอินาสะ

รายละเอียดของแต่ละสถานที่ สามารถติดตามได้จากใต้รูปเช่นเคยนะครับ ส่วนใครที่มีเรื่องอยากสอบถาม หรือ มีคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถทักมาคุยกันหลังไมค์ หรือ คอมเมนต์ใต้โพสต์นี้ได้เลยคร้าบ

?การเดินทาง: จาก Fukuoka เริ่มต้นที่สถานี JR Hakata นั่งรถไฟ JR Kamome Limited Express วิ่งตรงไปยังสถานี Nagasaki ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

อ่านรีวิวที่เที่ยวอื่นๆในภูมิภาคคิวชู >> https://flyingwhale.me/category/guide-book/japan/kyushu/


Huis Ten Bosch
เฮาส์ เทน บอช

ไกลออกมาจากตัวเมืองนะงะซะกิพอสมควร ยังมี ธีมพาร์คขนาดใหญ่ ที่เปรียบเสมือนการยกเอายุโรป มาไว้ที่ญี่ปุ่นเลยทีเดียว ด้วยการตกแต่งในธีมฮอลแลนด์แบบย้อนยุค เป็นศูนย์รวมของกิจกรรมการพักผ่อนที่ครบครัน มีทั้ง สวนสนุก, พิพิธภัณฑ์, ร้านอาหาร, โรงแรม, ร้านค้า, ทุ่งดอกไม้ และ คลองสไตล์ยุโรปที่สวยงาม ใครชอบถ่ายรูป วาฬรับรองว่าเพลินยาว ๆ จนลืมดูเวลาแน่นอน พื้นที่ของ “เฮาส์ เทน บอช” กว้างขวางมาก ๆ การที่จะเที่ยวให้ครบได้ เราต้องมาถึงตั้งแต่เช้าเท่านั้นครับ ซึ่งก็ควรมาก ๆ แหละ จะได้คุ้มค่าตั๋วด้วยครับ

แล้วทำไมต้อง ฮอลแลนด์ ที่ นะงะซะกิ ด้วย ?? ฮอลแลนด์ หรือ เนเธอร์แลนด์ในปัจจุบัน ก็คือ ชาวดัตช์ ในอดีต ซึ่งเป็นเพียงชนชาติเดียวเท่านั้น ที่สามารถค้าขายกับญี่ปุ่นในช่วงที่ปิดประเทศได้ (ในระดับที่เป็นทางการ) แถมยังมี สถานีการค้าประจำอยู่ที่นะงะซะกิ ณ บริเวณเกาะเดจิมะอีกด้วย ดังนั้น ด้วยความสัมพันธ์อันดีระหว่าง 2 ประเทศอย่างยาวนานนี้ จึงได้กลายมาเป็นแรงบันดาลสำคัญให้เกิด เฮาส์ เทน บอช ขึ้นมานั่นเองครับ

พิกัด:
https://goo.gl/maps/k5p4GuPiPHEQkBwh8
การเดินทาง:
1.เริ่มต้นจาก Nagasaki นั่งรถไฟสาย JR Nagasaki Line Rapid Seaside Liner ไปลงสถานี Huis Ten Bosch ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที
2.เริ่มต้นจาก Fukuoka จากสถานี Hakata นั่งรถไฟสาย JR Midori Huis Ten Bosch (Limited Express)ไปลงสถานี Huis Ten Bosch ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที
เวลา: 9.00 – 2.00 
ค่าเข้า: ค่าเข้ารวมเครื่องเล่นทั้งวัน 7,000 เยน 
(ตรวจรายละเอียดตั๋วเพิ่มเติมเช่นราคาสำหรับเด็ก / ค่าเข้าครึ่งวันบ่ายได้ที่ http://thailand.huistenbosch.co.jp/mobile/about/?mode=about&Type=2 ) 
เว็บไซต์: http://thailand.huistenbosch.co.jp/mobile/


Nagasaki Penguin Aquarium
นะงะซะกิ เพนกวิน อควาเรียม

ในบรรดาอควาเรียมที่มีอยู่มากมายในญี่ปุ่น “นะงะซะกิ เพนกวิน อควาเรียม” คือ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเพียงแห่งเดียว ที่ได้รวบรวม “เพนกวิน” เอาไว้หลากหลายสายพันธุ์ และมีจำนวนมากที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีรูปแบบในการนำเสนอที่ไม่ซ้ำใคร เพราะมีทั้ง โซนแทงค์น้ำตู้กระจกขนาดใหญ่ ให้เราได้เห็น ลีลาการว่ายน้ำสุดพลิ้วของเหล่าเพนกวิน และไฮไลท์อย่างโซนชายหาด (Fureai Beach) ที่จะพาเราไปสัมผัสกับ เพนกวิน อย่างใกล้ชิด จากการออกมาโชว์ตัว เดินชิลล์บนหาดทราย และลงเล่นน้ำทะเลจริง ๆ ซึ่งวาฬบอกได้เลยครับว่า แบบนี้ หาดูไม่ได้ง่าย ๆ จากที่อื่นอย่างแน่นอน

ดาวเด่นของที่นี่ ก็คงหนีไม่พ้น เหล่าเพนกวินจากเขตหนาว อย่าง เพนกวินราชา (King Penguin), เพนกวินเจนทู (Gentoo Penguin) และ เพนกวินชินสแตรป (Chinstrap Penguin) ซึ่งล้วนแล้วแต่ เป็นสายพันธุ์ที่หาชมได้ยากทั้งสิ้น นอกจากนั้น ก็ยังมีเพนกวินสายพันธุ์อื่น ๆ อีกมากมาย รวมทั้ง สัตว์น้ำนานาชนิด รอให้ทุกคนได้ไปสัมผัสกันอีกด้วยครับ ย้ำว่าไม่ได้มีแค่เพนกวินอย่างเดียวนะ

พิกัด: https://goo.gl/maps/58DBLpDFJSt
การเดินทาง: 
วันธรรมดา: จากสถานีรถไฟ JR Nagasaki ออกจากทางออกด้านตะวันออก ข้ามสะพานลอย เดินไปขึ้นรถ ที่ป้ายรถเมล์ แถวหน้าร้าน Yoshinoya ( https://goo.gl/maps/wi86jvtcw5S2) ปลายทางสุดสายเป็น Aba หรือ Kasuga-shako-mae ลงที่ป้าย Penguin Aquarium ใช้เวลานั่งรถประมาณประมาณ 30 นาที
วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ: ออกจากทางออกด้านใต้ ข้ามสะพานลอย ป้ายรถเมล์จะอยู่แถวหน้าร้าน Nihonkai-shoya ( https://goo.gl/maps/XmecX2SbpdT2 )
เวลา: 9.00 – 17.00
ค่าเข้า: 510 เยน
เว็บไซต์: https://penguin-aqua.jp/english/access.html

วาฬได้ทำรีวิวไว้อย่างละเอียดแล้ว สามารถตามไปอ่านเพิ่มได้ที่ลิ้งค์นี้เลยครับ
https://flyingwhale.me/guide-book/nagasaki-penguin-aquarium/


Nagasaki Atomic Bomb Museum
พิพิธภัณฑ์ระเบิดปรมาณูนะงะซะกิ

ในบรรดาประวัติศาสตร์โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ การทิ้งระเบิดปรมาณูลูกที่ 2 ที่ เมืองนะงะซะกิ เพื่อปิดฉาก สงครามมหาเอเชียบูรพา (สงครามโลกครั้งที่ 2 ในฝั่งเอเชีย) เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2488 (1945) นั้น ถือเป็น เหตุการณ์ที่ได้ก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างรุนแรง และฝังจำอยู่ในความรู้สึกอันเจ็บปวดของมนุษยชาติมากที่สุดครั้งหนึ่งเลยก็ว่าได้ 

พิพิธภัณฑ์ระเบิดปรมาณูแห่งนี้ จึงมีหน้าที่ช่วยทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น ด้วยเทคนิคการนำเสนอที่น่าสนใจ เพื่อย้ำเตือนถึงความน่ากลัวของสงคราม และระเบิดปรมาณู เป็นบทเรียนให้เราตระหนักถึง ความสำคัญของการอยู่ร่วมกันท่ามกลางความขัดแย้งอย่างมีอารยะ และช่วยกันสร้างสันติภาพที่แท้จริงให้เกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืนต่อไป 

ที่นี่ตั้งอยู่ใกล้กับ อนุสาวรีย์จุดศูนย์กลางระเบิดปรมาณู (Hypocenter Cenotaph) ซึ่งเป็นจุดที่ “แฟตแมน” (Fat Man: ชื่อรหัสของระเบิดนิวเคลียร์) ถูกทิ้งลงมา และแผ่อานุภาพ ทำลายนะงะซะกิ จนราบคาบในพริบตา ภายในพิพิธภัณฑ์ มีการจัดแสดงเรื่องราว โดยนำเสนอตามลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่ก่อนและหลังการทิ้งระเบิด เราจะได้เห็น ข้าวของเครื่องใช้ในที่เกิดเหตุ, ภาพถ่ายของผู้ประสบภัยที่เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน, ภาพถ่ายอาคารบ้านเรือนที่ถูกทำลาย, โมเดลจำลองสภาพภูมิประเทศของนะงะซะกิ โดยมีแสงไฟส่องลงมาระบุตำแหน่งของระเบิด และรัศมีการทำลายล้าง พร้อมเสียงบรรยาย

ตลอดจน ไฮไลท์ที่ทุกคนต้องมาดู ก็คือ นาฬิกาแขวนผนังที่ปรากฏตามสื่อต่าง ๆ โดยเข็มนาฬิกาได้ หยุดอยู่ที่เวลา 11.02 น. ซึ่งเป็นวินาที ที่เกิดการระเบิดนั่นเองครับ

พิกัด:
https://goo.gl/maps/XKWqU3DVdvAQzAMw5
การเดินทาง: จากสถานีรถราง Nagasaki Ekimae นั่งรถรางสาย 1 ไปลงสถานี Atomic Bomb Museum (Hamaguchi-machi)แล้วเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที
เวลา: 8.30 – 17.30
เว็บไซต์: https://nagasakipeace.jp/english/abm.html

พิพิธภัณฑ์ ใช้วิธีการนำเสนอ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้ทั้งน่าสนใจ และสามารถอินตามไปได้ง่าย ๆ โดยมีบริการ Audio guide เป็นภาษาอังกฤษ ด้วยครับ

ภายในพิพิธภัณฑ์ แบ่งออกเป็น 4 โซนหลัก เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีขนาดกลาง ๆ ใช้เวลาไม่นานก็สำรวจครบแล้วครับ

“นกกระเรียนกระดาษ” สัญลักษณ์แห่งการเรียกร้องสันติภาพ


Nagasaki Peace Park
สวนสันติภาพนะงะซะกิ

ใกล้ ๆ กับ พิพิธภัณฑ์ระเบิดปรมาณูนะงะซะกิ และ อนุสาวรีย์จุดศูนย์กลางระเบิดปรมาณู ยังมีอีกหนึ่งสถานที่สำคัญ ที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึง เหตุการณ์การทิ้งระเบิดปรมาณูที่ นะงะซะกิ นั่นก็คือ “สวนสันติภาพนะงะซะกิ” ไฮไลท์อยู่ที่ “ประติมากรรมแห่งสันติภาพ” (Peace Statue) รูปปั้นมนุษย์ขนาดใหญ่ มือขวาชี้ขึ้นฟ้าไปยังระเบิดปรมาณู ส่วนมือซ้ายนั้น ผายออกไปหาสันติภาพ ถือเป็นสัญลักษณ์ที่เปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจ และความหวัง ต่อการหลีกเลี่ยงสงครามที่ทรงพลังมาก ๆ ชิ้นหนึ่งเลยครับ

นอกจาก Peace Statue แล้ว ก็ยังมี รูปปั้นอื่น ๆ ที่สื่อถึง ความปรารถนาให้โลกของเราปราศจากสงคราม และรำลึกถึงเหยื่อของเหตุการณ์ อีกหลายชิ้น รวมไปถึงน้ำพุแห่งสันติภาพ (Fountain of Peace) ที่สามารถมองเห็น Peace Statue เป็นฉากหลังได้อย่างสวยงามอีกด้วยครับ

พิกัด:
https://goo.gl/maps/zSxfn9czSkJW6cjH6
การเดินทาง: จากสถานีรถราง Nagasaki Ekimae นั่งรถรางสาย 1 ไปลงสถานี Peace Park (Matsuyama-machi)แล้วเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที

นอกจาก Peace Statue แล้ว ก็ยังมี รูปปั้นอีกหลายชิ้น ที่สื่อถึง ความปรารถนาให้โลกของเราปราศจากสงคราม และรำลึกถึงเหยื่อของเหตุการณ์ กระจายอยู่ภายในสวน


Meganebashi (Spectacles Bridge)
สะพานเมกะเนะบาชิ (สะพานแว่นตา)

หนึ่งในสะพานหิน ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 เพื่อใช้ข้าม แม่น้ำนากาชิมะ (Nakashima) ได้รับฉายาว่า “สะพานแว่นตา” เพราะเมื่อมองไปที่ผิวน้ำ จะเห็นเงาสะท้อนจากส่วนโค้งของสะพานคล้ายรูปแว่นตานั่นเอง ในปัจจุบัน สะพานเมกะเนะบาชิ ได้กลายเป็นแลนมาร์กที่สำคัญของเมืองไปแล้ว ใครมาถึงนะงะซะกิ แต่ไม่ได้แวะไปเช็คอิน ถือว่าพลาดมาก ๆ ครับ

บรรยากาศตลอด 2 ฟากฝั่งแม่น้ำ เป็นอะไรที่ชิลล์แบบสุด ๆ ถ้าไม่เร่งรีบมากนัก สามารถเดินเล่นได้เรื่อย ๆ เลย เพราะยังมีสะพานข้ามอีกหลายจุด ให้ได้ถ่ายรูปเล่นกัน ส่วนน้ำในแม่น้ำก็ใสสะอาดมากครับ มีปลาคาร์ปแหวกว่ายอยู่ เป็นเครื่องยืนยันที่ชัดเจน สำหรับช่วงเวลาที่วาฬแนะนำคือ ตอนเย็นถึงหัวค่ำ เพราะจะได้รูปสะพานที่มีแสงไฟสะท้อนตอนกลางคืนด้วยนั่นเอง

พิกัด: https://goo.gl/maps/dhVBdVncekZzdfS7A
การเดินทาง: จากสถานีรถราง Nagasaki Ekimae นั่งรถรางสาย 3 ไปลงสถานี Civic Hall ( Kokaido Mae) แล้วเดินต่อประมาณ 5 นาที


Shinchi Chinatown
ย่านชินจิ ไชน่าทาวน์

เนื่องจาก นะงะซะกิ เป็นเมืองท่าที่สำคัญในอดีตและอยู่ทางฝั่งตะวันตกสุดของญี่ปุ่น ซึ่งสามารถเดินทางด้วยเรือสำเภาต่อไปยังจีนได้ ในระยะทางที่ใกล้ที่สุด ทำให้มีชาวจีนเข้ามาค้าขาย และตั้งรกรากอยู่เป็นจำนวนมาก จนกลายเป็น 1 ใน 3 ชุมชนชาวจีนที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นมาจนถึงทุกวันนี้(3 ไชน่าทาวน์เก่าแก่ คือ นะงะซะกิ, โยโกฮามา และ โกเบ)

ย่านชินจิ ไชน่าทาวน์ จึงเต็มไปด้วย สถาปัตยกรรมแบบจีน ที่ปรากฏอยู่ในอาคารทุกรูปแบบ ทั้ง บ้านเรือน, ซุ้มประตู, วัด, ศาลเจ้า และ ภัตตาคารต่าง ๆ อาหารจีนของที่นี่ แตกต่างจาก อาหารจีนบ้านเรา เพราะมีส่วนผสมของรสชาติจากเครื่องปรุงแบบญี่ปุ่นเข้าไปด้วย อร่อยไปอีกแบบฮะ ที่ไม่ควรพลาดเลย ก็คือ “นะงะซะกิ จัมปง” (Nagasaki Champon) ราเมนลูกครึ่งจีน – ญี่ปุ่น สูตรเฉพาะของนะงะซะกิ ส่วนอาหารง่าย ๆ แบบ take away ก็มีเยอะแยะเลย อาทิ หมั่นโถไส้หมูสามชั้นต้มพะโล้ และขนมต่าง ๆ นั่นเอง

พิกัด:
https://goo.gl/maps/uk8SckaU1xtdd6VS9
การเดินทาง: จากสถานีรถราง Nagasaki Ekimae นั่งรถรางสาย 1 ไปลงสถานี Shinchi Chinatown (Tsuki-machi)

“นะงะซะกิ จัมปง” (Nagasaki Champon) ราเมนลูกครึ่งจีน – ญี่ปุ่น

“หมั่นโถไส้หมูสามชั้นต้มพะโล้” 


Dejima
เดจิมะ

เดจิมะ ในอดีตเป็นเกาะเทียมเล็ก ๆ ที่ญี่ปุ่นสร้างขึ้น บริเวณอ่าวนะงะซะกิ ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 เพื่อให้พ่อค้า และคณะมิชชันนารีชาวโปรตุเกสเข้ามาอยู่อาศัย จนกระทั่งชาวโปรตุเกสถูกขับไล่ออกไป และชาวดัตช์กลุ่มเล็ก ๆ มาแทนที่ ในช่วงที่รัฐบาลโชกุนโตคุงะวะดำเนินนโยบายปิดประเทศ (Sakoku) อย่างยาวนาน จึงมีเพียงเดจิมะแห่งนี้เท่านั้น ที่ทำหน้าที่เป็น สถานีการค้า และประตูบานเล็ก ที่ญี่ปุ่นใช้เชื่อมต่อ กับโลกตะวันตก ทำให้ยังคงได้รับความรู้แบบวิทยาศาสตร์ และวิทยาการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องนั่นเองครับ

ด้วยความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ดังนั้น ในปัจจุบัน แม้ว่า เดจิมะ จะไม่ได้เหลือ สภาพความเป็นเกาะอีกแล้ว เพราะการขยายตัวของเมืองนะงะซะกิ แต่ก็ยังคงได้รับการอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้าง ที่มีสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก เอาไว้อย่างดี และเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งขนาดใหญ่ ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปสัมผัสกับบรรยากาศย้อนยุค และเรียนรู้ความเป็นมาของเดจิมะ ผ่านการชมอาคารบ้านเรือน และห้องจัดนิทรรศการต่าง ๆ ที่น่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อยเลยทีเดียวครับ

พิกัด:
https://goo.gl/maps/tTofaq5nYHzDT7kY9
การเดินทาง: จากสถานีรถราง Nagasaki Ekimae นั่งรถรางสาย 1 ไปลงสถานี Dejima
เวลา: 8.00 – 21.00
ค่าเข้า: 510 เยน
เว็บไซต์: https://nagasakidejima.jp/en/


Hashima Island (Gunkanjima)
เกาะฮาชิมะ (กุงคันจิมะ)

ชื่อเสียงของ เกาะฮาชิมะ มักถูกพูดถึงมากที่สุด ในเรื่องความหลอน บ้างก็ว่าเป็นเกาะผีสิง โด่งดังมาก จากการเป็นโลเคชั่น ถ่ายทำภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Battle Royale, Skyfall, Attack On Titans, The Battleship Island (ที่นำแสดงโดย ซงจุงกิ) หรือ ภาพยนตร์ไทย อย่าง ฮาชิมะ โปรเจกต์ ไม่เชื่อ ต้องลบหลู่ ด้วยความอึมครึมของบรรยากาศ, ความรกร้างของสิ่งปลูกสร้าง และ ความเปล่าเปลี่ยวของเกาะคอนกรีตกลางทะเล หล่อหลอมให้ ฮาชิมะ นั้น เป็นสถานที่ ซึ่งมีมนต์เสน่ห์มาก ๆ สำหรับการท่องเที่ยว ในแบบที่ไม่เหมือนใคร และได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในปัจจุบันนั่นเองครับ

ฮาชิมะ เป็นเกาะเล็ก ๆ ที่ถูกสร้างขึ้น ด้วยฝีมือมนุษย์ มีอีกชื่อหนึ่งว่า “เกาะเรือรบ” ใช้เป็นที่พักของคนงานในอุตสาหกรรมเหมืองถ่านหิน ของบริษัท มิตซูบิชิ เพราะอยู่ใกล้กับแหล่งถ่านหินจำนวนมหาศาล ที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อการปฏิวัติอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ต่อเนื่อง คริสต์ศตวรรษที่ 20 ภายในเต็มไปด้วยโครงสร้างพื้นฐานมากมาย ทั้ง โรงเรียน, โรงพยาบาล, ร้านค้า รวมไปถึง สถานบันเทิงต่าง ๆ อย่าง บาร์, โรงภาพยนตร์ และร้านปาจิงโกะ นอกจากนี้ บริเวณชั้นดาดฟ้าของอาคารที่กว้างขวางหน่อย ยังมีการขนดิน มาเพาะปลูกผักสวนครัว และดอกไม้ เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว และบรรยากาศที่ผ่อนคลายมากขึ้นอีกด้วย

ต่อมา ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ความหนาแน่นของประชากรในเกาะ ก็เพิ่มสูงขึ้นเท่าทวีคูณ จากการเกณฑ์แรงงานชาวต่างชาติ ภายใต้อาณานิคมของญี่ปุ่น เข้ามาเพื่อเร่งกำลังการผลิต สภาพความเป็นอยู่ จึงค่อย ๆ แย่ลง ในบางช่วง มีการเสียชีวิตของคนงานจำนวนมาก จากความอ่อนล้า, ภาวะขาดอาหาร และอุบัติเหตุในเหมือง ก่อนที่ความต้องถ่านหินจะลดลง เพราะน้ำมันขึ้นมาแทนที่ ในฐานะพลังงานชนิดใหม่ที่ขับเคลื่อนโลก ส่งผลให้บริษัท มิตซูบิชิ ต้องดำเนินการปิดเหมืองทั้งหมดในปี พ.ศ. 2517 จากนั้น ผู้คนก็ทยอยอพยพออกจากเกาะจนหมด ฮาชิมะ จึงกลายเป็น เกาะร้าง + เรื่องเล่าหลอน ๆ มาจนถึงปัจจุบัน

สำหรับวิธีไป เราจะต้องจองทัวร์ ก่อนล่วงหน้าเท่านั้น ผ่านทางเว็บไซต์ของเขา เดี๋ยววาฬแปะลิ้ง ไว้ให้ข้างล่างครับ (เว็บไซต์มีภาษาอังกฤษ) โดยสามารถไปจ่ายเงินที่หน้างานได้ จากนั้น เมื่อมาถึง เมืองนะงะซะกิแล้ว ให้ขึ้นรถรางต่อ ไปลงที่สถานีสึคิมาจิ (Tsukimachi) แล้วเปลี่ยนรถรางอีกที เป็นสาย 5 ไปลงที่สถานี โออุระไคคังโดริ (Ourakaikandori) เดินเท้ามาอีกไม่ไกล เราก็จะถึงจุดเช็คอินของทางบริษัทแล้วครับ (พิกัดของจุดเช็คอิน https://goo.gl/maps/g9V99Y8mgUkBw7ib7)

ทัวร์จะมี 2 รอบ / วัน นะครับ รอบแรก ช่วง 10 โมงเช้า กับ รอบที่ 2 ช่วง บ่ายโมง โดยใช้เวลารอบละ 3 ชั่วโมง (อยู่บนเกาะประมาณ 1 ชั่วโมง) การเที่ยวบนเกาะ จะอนุญาตให้เราเดินตามเส้นทางที่กำหนด ไปพร้อม ๆ กัน เท่านั้น โดยมีการบรรยายประวัติเป็นภาษาญี่ปุ่นประกอบไปด้วย ห้ามทุกคนออกนอกเขตที่กำหนดไว้ และไม่เข้าไปในตัวอาคารเด็ดขาดครับ ดังนั้นจุดที่เราเดินไปได้จะเป็นเพียงพื้นที่ส่วนน้อยของเกาะเท่านั้นฮะ
ใครที่เกรงว่าจะถ่ายรูปไม่เต็มอิ่ม ก็ไม่ต้องกังวลไปครับ เพราะเรือจะพาเราชมรอบ ๆ เกาะ จากมุมมองภายนอก ให้ได้เห็นจุดอื่น ๆ ที่เราไม่สามารถเดินเท้าเข้าไปได้ด้วย ส่วนใครที่กลัวว่าบรรยากาศจะหลอนเกินไปรึป่าว ก็ไม่ต้องห่วงเช่นกันครับ ส่วนหนึ่งเพราะเราไปตอนกลางวัน ที่มีคนเยอะ ๆ ด้วย ไม่วังเวงขนาดนั้นแน่นอน อีกทั้งเราก็จะเพลินไปกับข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ และตื่นตากับโลเคชั่นสุดมหัศจรรย์ของฮาชิมะ มากกว่าที่จะมานั่งคิดมากอยู่แล้ว สบายใจได้คร้าบบบ

พิกัด Gunkanjima Concierge Office: 
https://goo.gl/maps/uDL3SzZZw2mFcATy8
การเดินทาง: จากสถานีรถราง Nagasaki Ekimae นั่งรถรางสาย 1 ไปลงสถานี Tsuki-machi แล้วเปลี่ยนสายเป็น สาย 5 (ปลายทาง ishibashi) ไปลงที่สถานี Ourakaigandori แล้วเดินต่อไปยังท่าเรืออีกประมาณ 3 นาที 
ค่าทัวร์: วันธรรมดา 4,000 เยน / วันเสาร์,อาทิตย์ และวันหยุด 4,500 เยน
เช็คตารางและจองผ่านเว็บไซต์เท่านั้น: https://www.gunkanjima-concierge.com/en/reserve/index.cgi?type=kojin

วาฬได้ทำรีวิวไว้อย่างละเอียดแล้ว สามารถตามไปอ่านเพิ่มได้ที่ลิ้งค์นี้เลยครับ https://flyingwhale.me/guide-book/hashima/


Mount Inasa
ภูเขาอินาสะ

ปิดท้ายทริป นะงะซะกิ กันด้วยวิวสวย ๆ จากจุดชมวิวบนภูเขาอินาสะครับ ที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวเมืองยามค่ำคืน ที่งดงาม ติดอันดับต้น ๆ ของประเทศญี่ปุ่น ด้วยการเดินทางที่สะดวกสบาย โดยสามารถเลือกได้ว่า จะขึ้น กระเช้า (Ropeway) หรือ นั่งบัสตรงมายังยอดเขาเลยก็ได้ ประกอบกับ ช่วงเวลาเปิดทำการ ที่ยาวไปจนถึง 4 ทุ่ม ทำให้การวางแผนเที่ยวที่นี่นั้น ค่อนข้างยืดหยุ่น เหมาะสำหรับทุกโปรแกรมการเดินทางจริง ๆ ฮะ ใครที่มีโอกาสได้มาเที่ยว นะงะซะกิ แล้วทั้งที ยังไงก็ห้ามพลาดเลยนะครับ

ช่วงเวลาที่แนะนำ: ควรไปก่อนพระอาทิตย์ตกดินประมาณ 30 นาที เพราะจะได้เห็น ท้องฟ้าหลากหลายสีสันมากที่สุดครับ (เวลาพระอาทิตย์ตกดินแต่ละฤดูไม่พร้อมกัน ยังไงลองเช็คพยากรณ์ดูก่อนไปด้วยนะครับ)

พิกัด: https://goo.gl/maps/5c5JENUMZTgP3CrRA
การเดินทาง: จากสถานี Nagasaki เราสามารถนั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Ropeway Mae 150 เยน หรือถ้าเลือกเดินใช้เวลา 20 นาที หรือหากใครใช้รถรางให้ลงที่สถานี Takaramachi แล้วเดินต่อไปยังที่ขึ้น Ropeway ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
เวลา: 9.00 – 22.00
ค่า Ropeway: 1230 เยน(ไปกลับ)
เว็บไซต์: http://www.nagasaki-ropeway.jp/pdf/English.pdf

วาฬได้ทำรีวิวไว้อย่างละเอียดแล้ว สามารถตามไปอ่านเพิ่มได้ที่ลิ้งค์นี้เลยครับ
https://flyingwhale.me/guide-book/mountinasa/


ระบบรถรางที่ใช้ภายในตัวเมืองนะงะซะกิ สะดวก และ ครอบคลุม สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ อย่าลืม ซื้อตั๋วเหมาจ่าย ขึ้น-ลง กี่รอบก็ได้ ภายในหนึ่งวันนะครับ คุ้มกว่ามาก ๆ แน่นอน

nagasaki

ใครสนใจขับรถเที่ยวสามารถจองรถได้ที่นี่เลยครับ เป็นเว็บจองรถที่มีภาษาไทยด้วย จองง่าย ๆ เลย

https://www2.tocoo.jp/th?asp_id=908

Klook.com
Klook.com (function (d, sc, u) { var s = d.createElement(sc), p = d.getElementsByTagName(sc)[0]; s.type = "text/javascript"; s.async = true; s.src = u; p.parentNode.insertBefore(s, p); })( document, "script", "https://affiliate.klook.com/widget/fetch-iframe-init.js" );