
18 Animals you can’t miss in Japan
18 สัตว์น่ารักที่คุณต้องไปเจอที่ญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นเป็นประเทศ ที่ตอบโจทย์ ทุกสไตล์การท่องเที่ยว ไม่เว้นแม้เเต่ สายรักสัตว์ ญี่ปุ่นก็ยังจัดเต็มให้เราได้ดูสัตว์ นานาชนิดกันแบบใกล้ชิด แถมอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีงาม และมีหลากหลายรูปแบบให้ได้เลือกเที่ยว ทั้งสวนสัตว์, พิพิธภัณฑ์สัตว์นำ้, สวนสาธารณะ, ศูนย์อนุรักษ์, รวมไปถึง เกาะสัตว์ต่าง ๆ นั่นเองครับ วันนี้ วาฬเลยตั้งใจรวบรวมสถานที่ดูสัตว์ ที่ประทับใจมากที่สุด มาแบ่งปันทุกคนกัน โดยแบ่งไปตามชนิดของสัตว์ต่าง ๆ เลย เพื่อความสะดวกในการค้นหานะครับ
นอกจากความบันเทิงแล้ว แหล่งดูสัตว์ ที่วาฬเลือกมานี้ ยังเป็นประโยชน์ทั้ง ด้านการอนุรักษ์, แหล่งเรียนรู้ และเครื่องมือสำคัญในการปลูกฝังความคิดเรื่องการตระหนักถึงคุณค่าของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ในธรรมชาติ ซึ่งเป็นประเด็นที่สังคมญี่ปุ่นให้ความสำคัญเอามาก ๆ อีกด้วยครับ
โดย สัตว์ และสถานที่ ที่วาฬเลือกมาในครั้งนี้ มีทั้งสิ้น 18 ชนิด ใน 17 แห่ง กระจายตัวอยู่ ตามภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วทั้งญี่ปุ่นเลยฮะ ซึ่งได้แก่…
1. Red fox @ Zao Fox Village, Shiroishi
สุนัขจิ้งจอกแดง ที่หมู่บ้านจิ้งจอกซะโอ, ชิโรอิชิ

สุนัขจิ้งจอก ที่ หมู่บ้านจิ้งจอกซะโอ เมืองชิโรอิชิ จังหวัดมิยาหงิ ภูมิภาคโทโฮคุ กลายเป็นอีกหนึ่ง ไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด เมื่อมาเที่ยวญี่ปุ่นไปแล้ว ด้วยความน่ารักของน้อง ๆ จิ้งจอก ที่ถูกเลี้ยงรวมกันเป็นฝูงใหญ่ อย่างมีอิสระ ในพื้นที่ซึ่งค่อนข้างกว้างขวาง ทำให้ความรู้สึกของการมาเที่ยวชม แตกต่างไปจากในสวนสัตว์ ทั่ว ๆ ไปเป็นอย่างมากครับ แค่เดินวนไปเรื่อย ๆ คอยสังเกตความน่ารัก ของ สุนัขจิ้งจอก ในอิริยาบถต่าง ๆ ด้วยบรรยากาศ และมุมมองที่หาไม่ได้จากที่อื่นนั้น วาฬว่ามันเป็นอะไรที่ คุ้มค่า และเพลิดเพลิน อย่างที่สุดแล้วครับผม
ภูมิภาค: โทโฮขุ
พิกัด: https://goo.gl/maps/F92i9GSMtGu
การเดินทาง:
1. เริ่มต้นจาก โตเกียว (Tokyo) ให้นั่งชินคันเซน ไปลงที่สถานี Fukushima แล้วเปลี่ยนเป็น JR Tohoku line for Sendai เพื่อไปยัง สถานี Shiroishi (Miyagi) แล้วนั่งรถบัสต่อ (แต่รถบัสจะมีแค่วันอังคารและวันศุกร์ วันละ 2 รอบ 7.58 และอีกรอบตอน 13.35 น.)
2. เริ่มต้นจาก โตเกียว (Tokyo) ให้นั่งชินคันเซน ไปลงที่สถานี Shiroishi Zao แล้วนั่งแท็กซี่ไปที่ หมู่บ้านจิ้งจอกได้เลย ค่าแท็กซี่ ประมาณ 4300 เยน ครับ (วิธีนี้จะค่อนข้างแพงกว่าครับ แต่วาฬว่าสะดวกดี เพราะไม่ต้องเสียเวลารอรถหลายต่อ แถมบางทีโชคดี อาจได้เจอเพื่อนร่วมทาง ช่วยหารค่าแท็กซี่กันก็ได้ครับ) ส่วนขากลับนั้น ก็สามารถแจ้งพนักงานของทางหมู่บ้านจิ้งจอก ให้ช่วยโทรเรียกแท็กซี่ให้ได้เลยครับผม
3. เช่ารถขับ ปกติเป็นวิธีที่สะดวกมากครับ และทางหมู่บ้านจิ้งจอกเอง ก็มีลานจอดรถฟรีไว้คอยให้บริการด้วย แต่ในช่วงหน้าหนาว ทางขึ้นเขา จะมีหิมะเกาะถนนพอสมควรเลย หากขับรถเอง ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษนะครับ
เปิด: 9.00 – 16.00
ค่าเข้า: 1,000 เยน
เว็บไซต์: http://zao-fox-village.com/en
อ่านรีวิวเต็มที่ >> https://flyingwhale.me/guide-book/zaowinter/
2. Sea Otter @ Suma Aqualife Park, Kobe
นากทะเล ที่สุมะ อควาไลฟ์ พาร์ค, โกเบ

นากทะเล คือ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทางทะเลสุดพิเศษ ที่สามารถสร้างรอยยิ้ม ให้กับผู้พบเห็นได้ ด้วยท่วงท่าสุดน่ารัก ในทุก ๆ การเคลื่อนไหวของร่างกาย ประกอบกับ น้องมีขนนุ่มฟู สีขาวราวกับหิมะ และ ใบหน้าอันใสซื่อ เหมือนกับตุ๊กตา วาฬรับรองว่า ใครที่ได้เจอ เป็นต้องตกหลุมรักกันทุกรายครับ ส่วนสถานที่พบปะน้องที่ดีที่สุด วาฬขอแนะนำเป็น สุมะ อควาไลฟ์ พาร์ค เมืองโกเบ จังหวัดเฮียวโงะ ภูมิภาคคันไซ เลยครับ ที่นี่ ดูแลน้องได้ดี ห้องจัดแสดงก็ทำออกมาได้น่ารัก มีระบบฉีดน้ำที่กระจก ให้ใสกิ๊งอยู่ตลอดเวลาด้วย ช่วยให้ถ่ายรูปง่ายขึ้นเยอะมาก ๆ ครับ
ภูมิภาค: คันไซ
พิกัด: https://goo.gl/maps/B7zW5j6m7ZJoqP9V8
การเดินทาง: จากสถานี Osaka นั่ง JR สาย Tokaido-Sanyo ลงสถานี Sumakaihinkoen ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วเดินต่อไปตามป้ายอีกประมาณ 5 นาที
เปิด: 9.00 – 17.00
ค่าเข้า: 1,300 เยน
อ่านรีวิวเต็มที่ >> https://flyingwhale.me/news/sumaaquarium/
3. Jellyfish @ Kamo Aquarium, Tsuruoka
แมงกะพรุน ที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำคะโมะ, สึรุโอกะ

ตู้แมงกะพรุนยักษ์นี้ มีชื่อว่า “เจลลี่ฟิช ดรีม เธียเทอร์” (Jellyfish Dream Theater) ตั้งอยู่ใน โซนจัดแสดงพันธุ์แมงกะพรุน ของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำคะโมะเมืองสึรุโอกะ จังหวัดยะมะงะตะ ภูมิภาคโทโฮขุ จัดได้ว่าเป็นหนึ่งใน ตู้แมงกะพรุนที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในญี่ปุ่น และมีความสวยงามเป็นอย่างมาก จนกลายเป็นกระแสโด่งดังทั้งในอินสตราแกรมของคนญี่ปุ่น หรือ บล็อกเกอร์สายท่องเที่ยวชื่อดัง ที่นิยมมาเช็คอิน และเก็บภาพสวย ๆ กันไป ใครที่ชอบ การจัดแสดงที่ดูทันสมัย และมีสไตล์จัด ๆ แล้วล่ะก็ ห้ามพลาดเลยนะครับ
ภูมิภาค: โทโฮขุ
พิกัด: https://goo.gl/maps/wpSBVNHxqDG2
การเดินทาง: จากสถานี JR Niigata นั่งมาลงสถานี JR Tsuruoka ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง (ถ้าเริ่มจากโตเกียวใช้เวลา 4 ชั่วโมง) จากนั้นนั่งรถบัสจากหน้าสถานี ปลายทาง Yunohama Onsen ลงป้าย Kamo Suizokukan 加茂水族館 (Kamo Aquarium) ใช้เวลา 30 นาที (รอบรถบัส >> https://bit.ly/2FbxDKP )
เปิด: 9.00 – 17.00
ค่าเข้า: 1,000 เยน
เว็บไซต์: https://kamo-kurage.jp/english/
อ่านรีวิวเต็มที่ >> https://flyingwhale.me/guide-book/kamo-aquarium/
4. Swan @ Lake Inawashiro, Fukushima
หงส์ ที่ทะเลสาบอินะวะชิโระ, ฟุกุชิมะ

ที่ ทะเลสาบอินะวะชิโระ จังหวัดฟุกุชิมะ ภูมิภาคโทโฮขุ นั้น นอกจาก ความสวยงามของบรรยากาศ และความใสของน้ำ ราวกับกระจกที่สะท้อนเงา ท้องฟ้า และภูเขาบันได ที่เป็นฉากหลัง ได้อย่างชัดเจนแล้ว ยังมี ฝูงหงส์ตามธรรมชาติ ที่อพยพหนีความหนาวเย็น มาจากทางตอนเหนือ อาศัยอยู่เป็นจำนวนมากอีกด้วยครับ โดยฝูงหงส์จะอยู่ที่นี่ ในระหว่างเดือน พฤศจิกายน – เมษายน เท่านั้นฮะ ภาพของชายหาดที่ปกคลุมด้วยหิมะ กับฝูงหงส์ที่สวยงามนั้น เป็นอะไรเข้ากันมาก ๆ และ หาชมได้ยากจริง ๆ ครับผม
ภูมิภาค: โทโฮขุ
พิกัด: https://goo.gl/maps/MWNTTkCQcT1U6X2e6
การเดินทาง: การเดินทาง: นั่งรถไฟ JR ลงสถานี Inawashiro แล้วเลือกระหว่างนั่งรถบัสขาละ 450 เยน หรือจะนั่งแท็กซี่ไปลงที่หาด Nagahama ไม่เกิน 3,000 เยน ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
รอบรถบัสจากสถานี Inawashiro – Nagahama (บริเวณทะเลสาป): 10.45, 12.40, 14.30, 14.44, 15.58, 17.48
รอบนถบัสจาก Nagahama – สถานี Inawashiro: 7.42, 11.36, 13.26, 15.06, 15.14, 16.29, 18.21
อ่านรีวิวเต็มที่ >> https://flyingwhale.me/guide-book/lakeinwashiro/
5. Akita Inu @ Odate, Akita
สุนัขพันธ์อะคิตะ ที่โอดาเตะ, อะคิตะ

จากเรื่องราวของ “ฮะจิโก” สุนัขอะคิตะ ยอดกตัญญู ที่มาเฝ้ารอเจ้าของ อยู่บริเวณหน้า สถานีรถไฟชิบุยะ เป็นเวลานานหลายปี จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต แม้ว่าเจ้าของจะตายจากไปตั้งนานแล้วก็ตาม สู่การเป็นสัญลักษณ์แห่งความซื่อสัตย์ และความภักดี ที่โด่งดังไปทั่วโลกนั้น ทำให้ เมืองโอดาเตะ จังหวัดอะคิตะ ภูมิภาคโทโฮขุ ในฐานะบ้านเกิดของ “ฮะจิโก” และ เหล่าสุนัขพันธุ์อะคิตะ ได้กลายมาเป็นแหล่งตามรอยสุนัขพันธุ์นี้ ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในหมู่คนรักสุนัขญี่ปุน ใครที่ต้องการ พบเจอน้อง ๆ สามารถไปได้ที่ “Akita Dog Visitor Center” ที่เพิ่งเปิดให้บริการไม่นานมานี้ ตลอดจน จุดต่าง ๆ ในเมือง และงานเทศกาลประกวดสุนัขอะคิตะ ได้เลยครับ
ภูมิภาค: โทโฮขุ
พิกัด: https://goo.gl/maps/Ny4vDXo5VvX6rwkw5
การเดินทาง: จาก Tokyo ไปยัง Akita นั่งชินคันเซนประมาณ 3 ชั่วโมง 40 นาที และจากสถานี Akita นั่งรถไฟ JR สาย Ou main line มาลงที่สถานี Odate อีกประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
เปิด: 9.00 – 17.00
เว็บไซต์สถานที่พบน้องๆ: https://visitakita.com/en/meet/
เว็บไซต์เช็คตารางมาทำงานของน้องๆ: https://letsmofumofuakita.jp/en/publics/index/255/
อ่านรีวิวเต็มที่ >> https://flyingwhale.me/guide-book/akitadog/
6. Cat @ Tashirojima, Ishinomaki
แมว ที่เกาะทะชิโระ, อิชิโนะมะกิ

ถ้าจะให้แนะนำเกาะแมวที่ดีที่สุด วาฬจะนึกถึง “เกาะทะชิโระ” เมืองอิชิโนะมะกิ จังหวัดมิยาหงิ ภูมิภาคโทโฮขุ มาเป็นชื่อแรก ๆ อยู่เสมอครับ เนื่องจาก มีแมวเยอะจริง, พอมีร้านค้าอยู่บ้าง, มีห้องน้ำบริการ, การเดินทางที่ไม่ไกลมากนักจากเมืองท่องเที่ยวหลักอย่าง เซนได (Sendai), มีที่พักดีไซน์น่ารัก ๆ และ มีเรือข้ามฟาก หลายรอบ ทำให้เราสามารถวางแผนเที่ยวได้ค่อนข้างยืดหยุ่น นั่นเองครับผม
ภูมิภาค: โทโฮขุ
พิกัด: https://goo.gl/maps/Mf45NgJn3XYURDpHA
การเดินทาง: การเดินทางไปเกาะ Tashiro เราจะต้องมาที่เมือง Ishinomaki ซึ่งใช้เวลาเดินทางจากเมือง Sendai ประมาณ 60 นาที จากสถานี Ishinomaki จนถึงท่าเรือ Ajishima line ประมาณ 2.2 km (แนะนำให้ต่อแท็กซี่มายังท่าเรือ)
เปิด: 9.30 – 17.00
ค่าตั๋วเรือ: 2,460. ( ตั๋วไปกลับระหว่างท่าเรือและเกาะแมว)
อ่านรีวิวเต็มที่ >> https://flyingwhale.me/guide-book/japan/tohoku/catisland/
7. Rabbit @ Okunoshima, Takehara
กระต่าย ที่โอคุโนะชิมะ, ทาเคฮารา

นอกจากเกาะแมวแล้ว ญี่ปุ่นก็ยังมี เกาะกระต่าย ด้วยนะครับ “โอคุโนะชิมะ” จังหวัดฮิโระชิมะ ภูมิภาคจูโงะขุ คือ เกาะกระต่าย หนึ่งเดียวในญี่ปุ่น ที่สามารถเดินทางไปเที่ยวได้สะดวกมาก ๆ โดยใช้เวลาบนเรือข้ามฟากเพียง 15 นาที เท่านั้น น้องกระต่ายบนเกาะ มีจำนวนที่เยอะมาก ๆ โดยเราจะได้เห็นกัน ตั้งแต่บริเวณท่าเรือเลยครับ และจากนั้นเป็นต้นมา ไม่ว่าจะเดินไปตรงไหนของเกาะ เราก็จะได้พบกับน้องกระต่ายในทุกจุดจริง ๆ อ้อ! ภายในเกาะมีที่พักเพียงแห่งเดียวเท่านั้นนะครับ ใครที่สนใจค้างคืน ต้องจองล่วงหน้านิดนึงนะ
ภูมิภาค: จูโงะขุ
พิกัด: https://goo.gl/maps/z4JEfWzbUKH2
การเดินทาง:
1. จากสถานี JR Shin Osaka นั่งรถไฟชินคันเซนมาลงที่สถานี Mihara ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง แล้วเปลี่ยนเป็น JR สาย Kure มาลงสถานี Tadano – Umi เดินต่อไปที่ท่าเรือซื้อตั๋วประมาณ 5 นาที
2.จากสถานี JR Hirsoshima นั่งรถไฟชินคันเซนมาลงที่สถานี Mihara ประมาณ 20 นาทีแล้วเปลี่ยนเป็น JR สาย Kure มาลงสถานี Tadano – Umi เดินต่อไปที่ท่าเรือซื้อตั๋วประมาณ 5 นาที
ค่าเรือข้ามเกาะ: 310 เยน
เว็บไซต์: http://rabbit-island.info/en/
อ่านรีวิวเต็มที่ >> https://flyingwhale.me/reviews-articles/okunoshima/
8. Polar bear @ Asahiyama Zoo, Asahikawa
หมีขาว ที่สวนสัตว์อะซะฮิยะมะ, อะซะฮิคะวะ

จริง ๆ แล้ว หมีขาว มีให้ดูเยอะมาก ๆ ครับ ในสวนสัตว์ของญี่ปุ่น แต่ในจำนวนนั้น มีเพียงแห่งเดียวที่ ชนะขาดลอยไปเลย นั่นก็คือ “สวนสัตว์อะซะฮิยะมะ” แห่งภูมิภาคฮอกไกโด สวนสัตว์ที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น จากการจัดอันดับของหลายสำนัก และสำหรับวาฬเองด้วย ความเจ๋งที่ทำให้สวนสัตว์แห่งนี้พิเศษกว่าใคร ก็คือ การจัดมุมมองในการดูสัตว์ โดยเน้นที่ ความหลากหลาย และความตื่นตาตื่นใจของผู้ชม อย่างเช่น ส่วนจัดแสดงหมีขาวแบบเส้นรอบวงกลม ที่เห็นกันได้ครบทุกซอกทุกมุมเลยทีเดียว นอกจากนี้ ในฤดูหนาว ที่สวนสัตว์จะถูกปกคลุม ไปด้วยหิมะสีขาวโพลนนั้น ก็ยิ่งทำให้การชมหมีขาว พิเศษไปกว่าที่อื่นอย่างมากนั่นเองครับ
ภูมิภาค: ฮอกไกโด
พิกัด: https://goo.gl/maps/9xVTAX9zZ6bLAweM9
การเดินทาง: จากสถานี JR Asahikawa ออก North Exit ขึ้น Bus สาย 41 ที่ป้ายหมายเลข 6 ไปลงที่ป้าย Asahiyama Dobutsuen
เปิด: 9.30 – 17.00
ค่าเข้า: 820 เยน
เว็บไซต์: http://honyaku.j-server.com/LUCAKC/ns/tl.cgi/http://www.city.asahikawa.hokkaido.jp/asahiyamazoo/index.html?SLANG=ja&TLANG=en&XMODE=0&XCHARSET=utf-8&XJSID=0
อ่านรีวิวเต็มที่ >> https://flyingwhale.me/guide-book/hokkaidosummer/
9. Brown bear @ Noboribetsu Bear Park, Noboribetsu
หมีสีน้ำตาล ที่ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์หมีโนโบริเบทสึ, โนโบริเบทสึ

ที่ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์หมีโนโบริเบทสึ ภูมิภาคฮอกไกโด เปิดให้นักท่องเที่ยว ได้เยี่ยมชมหมีสีน้ำตาล หนึ่งในสัตว์ประจำท้องถิ่นที่สำคัญของฮอกไกโด วาฬบอกได้เลยว่า เป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างมากฮะ หากใครกำลังคิดว่า เจ้าหมีฮอกไกโดนี้ ก็คงไม่ต่างไปจาก “หมี” ที่คุ้นเคยกันดี ในสวนสัตว์บ้านเรา อยู่ล่ะก็! คุณกำลังคิดผิดอย่างจริงจังเลยครับ เพราะน้องหมีสีน้ำตาลนั้น ตัวจริงของเขา ใหญ่โต และแข็งแรงมาก เกินกว่าที่จินตนาการไว้อย่างแน่นอน ยังไงก็ลองหาโอกาสไปชมกันให้ได้นะครับบบ
ภูมิภาค: ฮอกไกโด
พิกัด: https://goo.gl/maps/zNjDEGrg6iC2
เปิด: 8.30 – 16.00 น.
การเดินทาง: จากหน้าสถานี Noboribetsu ขึ้น Donan Bus สาย NA หรือ ND ลงที่ป้ายหมายเลข N12 Central Noboribetsu-Onsen แล้วเดินขึ้นไปฝั่งตรงกันข้ามเพื่อซื้อตั๋วนั่งกระเช้าขึ้นไปสวนหมี
ค่าเข้า: 2,592 เยน รวมค่า ropeway
อ่านรีวิวเต็มที่ >> https://flyingwhale.me/guide-book/noboribetsubearpark/
10. Chipmunk @ Tenguyama Chipmunk Park, Otaru
ชิปมังก์ ที่สวนชิปมังก์ บนภูเขาเท็นงุ, โอตารุ

บนภูเขาเท็นงุ เมืองโอตารุ ภูมิภาคฮอกไกโดนั้น นอกจากจะเป็นจุดชมวิวเมืองโอตารุ ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ที่สวยงามแล้ว ยังมี สวนชิปมังก์ เล็ก ๆ ที่เปิดให้เราสามารถเข้าไปกดตู้กาชาปอง ที่ใส่อาหารไว้ข้างใน เพื่อนำมาให้กับน้องชิปมังก์ตัวจิ๋ว ซึ่งแม้จะขี้อายสักหน่อย แต่พวกเขาจะค่อย ๆ เดินมากินอาหารจากมือของเราเลยครับ
ภูมิภาค: ฮอกไกโด
พิกัด: https://goo.gl/maps/vYvryKNv21bcCTVD8
การเดินทาง: จากสถานี Otaru ขึ้นรถบัสสาย B Tenguyama Course ที่ป้ายหมายเลข 3 ไป Tenguyama Ropeway
เปิด: 9:00 – 21:00
อ่านรีวิวเต็มที่ >> https://flyingwhale.me/guide-book/hokkaidosummer/
11. Bluefin tuna @ Tokyo Sea Life Park, Tokyo
ปลาทูน่าครีบน้ำเงิน ที่โตเกียว ซี ไลฟ์ พาร์ค, โตเกียว

เคยกินแน่ ๆ แต่เคยเห็นตัวเป็น ๆ กันหรือยัง? ถ้ายังไม่เคย ที่ “โตเกียว ซี ไลฟ์ พาร์ค” เขามี ปลาทูน่าครีบน้ำเงิน สัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญของวงการประมงประเทศญี่ปุ่น ให้ได้ชมกัน ในแบบที่ยังว่ายน้ำลัลลาด้วยนะครับ โดยจัดแสดงอยู่ในแท้งค์รูปทรงโดนัทขนาดใหญ่ ให้เราได้ชมกันแบบ 360 องศาเลยทีเดียว ตั้งอยู่ในโตเกียวนี้เอง เดินทางสะดวกสุด ๆ ลองแวะไปเที่ยวกันดูนะครับ
ภูมิภาค: คันโต
พิกัด: https://goo.gl/maps/9DYGjPNiQcD4BBeh6
การเดินทาง: นั่งรถไฟสาย JR Keiyo ลงสถานี Kasairinkaikoen และเดินต่อประมาณ 5 นาที
เปิด: 9.30 – 17.00
ค่าเข้า: 700 เยน
เว็บไซต์: https://www.tokyo-zoo.net/english/kasai/index.html
12. Snow Monkey @ Jigokudani Monkey Park, Yamanouchi
ลิงหิมะ ที่สวนลิงจิโกคุดานิ, ยะมะโนะอุจิ

สวนลิงจิโกคุดานิ คือ สถานที่ออริจินอลเพียงหนึ่งเดียวในโลก ที่เราจะได้เห็นลิงญี่ปุ่น หรือ ลิงหิมะ (Japanese Macaque, Snow Japanese Monkey) ตามธรรมชาติ แช่น้ำพุร้อนออนเซ็น กันอย่างใกล้ชิด ด้วยสภาพอากาศที่หนาวเย็น น้องลิงจะมีขนที่พองฟู ทำให้ดูตัวอ้วนกลม จ้ำม่ำ แต่ยังคงเคลื่อนไหวได้อย่างปราดเปรียว เป็นภาพที่ทั้ง แปลกตา สวยงาม และน่ารัก ในคราวเดียวกันเลยครับ โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุด คือ ตั้งแต่ปลาย พฤศจิกายน – ต้นมีนาคม นะครับ ถึงแม้ว่าช่วงอื่น สวนลิงจะเปิดทำการด้วยก็ตาม แต่เราก็จะไม่ได้เจอหิมะสวย ๆ นั่นเอง
ช่วงเวลาที่เหมาะสม: ตั้งแต่ปลาย พฤศจิกายน – ต้นมีนาคม
ภูมิภาค: จูบุ
พิกัด: https://goo.gl/maps/58DBLpDFJSt
การเดินทาง: 1.เริ่มต้นจากสถานี JR Nagano นั่งรถไฟสาย Nagaden Nagano เลือกรถไฟแบบ Limited Express ชื่อขบวน Snow Monkey เพื่อมาลงสถานี Yudanaka หรือหากนั่งแบบ Local จะต้องเปลี่ยนรถไฟที่สถานี Shinshunakano เพื่อมาลงที่ Yudanaka
2.จากสถานี Yudanaka นั่งรถบัสที่หน้าสถานีไปลงป้าย Kanbayashi Onsen หรือป้าย Kanbayashi Onsen-guchi แล้วเดินต่อเข้าไปตามป้ายอีกประมาณ 1.6 กิโลเมตร
เปิด: 9.00 – 16.00 (เวลาอาจปรับเปลี่ยนตามฤดูกาล)
ค่าเข้า: 500 เยน
เว็บไซต์: http://en.jigokudani-yaenkoen.co.jp/access
อ่านรีวิวเต็มที่ >> https://flyingwhale.me/guide-book/jigokudani/
13. Sika deer @ Nara Park, Nara Park
กวางซีกา ที่สวนสาธารณะนารา, นารา

นึกถึงกวางที่ญี่ปุ่น ก็ต้องคิดถึงเมืองนาราเลยครับ โดยน้องกวาง จะอยู่กันแบบอิสระ สามารถพบเจอได้ทั่วไปตามท้องถนนเลย แต่จุดที่น้อง ๆ จะมารวมตัวกันมากเป็นพิเศษหน่อย ก็คือ ณ บริเวณหน้าทางเข้า วัดโทไดจิ (Todaiji) และสวนสาธารณะนารา (Nara Park) นั่นเอง การเที่ยวชมกวาง และสถานที่ต่าง ๆ ในเมืองนารา ภูมิภาคคันไซนั้น นอกจากจะใช้วิธี โดยสารรถประจำทางแล้ว วาฬขอแนะนำให้เช่าจักรยานปั่น ก็เป็นอะไรที่สะดวกไม่น้อยเลยครับผม
ภูมิภาค: คันไซ
พิกัด: https://goo.gl/maps/2vAwDboHEPQ2
การเดินทาง: จากสถานี Namba ให้นั่งรถไฟสาย Kintetsu Nara มาลงที่สถานี Kintetsu Nara แล้วเดินต่อไปยังสวนประมาณ 20 นาที หรือจะใช้รถบัส Nara City Loop (รถบัสสีเหลือง) จะวิ่งผ่านวัด Todaiji และ Nara Park
เว็บไซต์: https://www.japan-guide.com/e/e4103.html
อ่านรีวิวเต็มที่ >> https://flyingwhale.me/reviews-articles/sakurainkansai/
14. Giant Panda @ Wakayama Adventure World, Shirahama
แพนด้ายักษ์ ที่วะคะยะมะ แอดเวนเจอร์ เวิลด์, ชิระฮะมะ

การดู แพนด้ายักษ์ หรือ หมีแพนด้า ที่ “วะคะยะมะ แอดเวนเจอร์ เวิลด์” เมืองชิระฮะมะ ภูมิภาคคันไซ นั้น สำหรับวาฬแล้ว ดีงามที่สุด และแตกต่างไปจากทุกแห่งที่วาฬเคยไปมาอย่างมากครับ เพราะที่นี่ เขาอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ (จำนวนมากที่สุดในญี่ปุ่นด้วย) และ มีสถานที่จัดแสดงแบบเปิดโล่ง ระยะห่างระหว่างคนดู กับ เหล่าแพนด้า ไม่ไกลกันมาก แถมยังไม่มีกระจกขั้นอีกด้วย นอกจากนี้ ที่สำคัญที่สุดคือ เรื่องความสะอาด ที่วาฬยอมรับเลยว่า อยู่ในระดับดีมาก บรรยากาศภายในก็ร่มรื่น น่าเที่ยวชม คุ้มค่ากับราคาบัตรผ่านประตูที่จ่ายไปอย่างแน่นอนครับผม
ภูมิภาค: คันไซ
พิกัด: https://goo.gl/maps/CHcE2vsUxdH2
การเดินทาง: นั่งรถไฟจากสถานี Wakayama ไปลงสถานี Shirahama สาย LTD. EXP KUROSHIO แล้วต่อรถบัส Meiko จากสถานี Shirahama ไปลงป้าย Adventure World
เปิด: 9.30 – 17.00
ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 4,100 เยน เด็ก 2,500 เยน
เว็บไซต์: http://www.aws-s.com/en/
อ่านรีวิวเต็มที่ >> https://flyingwhale.me/guide-book/wakayamaadventureworld/
15. Dugong @ Toba Aquarium, Toba
พะยูน ที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโทบะ, โทบะ

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโทบะ จังหวัดมิเอะ ภูมิภาคคันไซ เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เพราะมีส่วนจัดแสดง พะยูน ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทางทะเล ที่หายากมาก ๆ และมีสถานะที่ถูกคุกคามตามธรรมชาติ จำเป็นต้องได้รับการอนุรักษ์ พร้อมกับ ส่วนนิทรรศการเผยแพร่ข้อมูลของพะยูน ที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้ที่สนใจนั่นเองครับ โดยถ้าวาฬจำไม่ผิด พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโทบะ น่าจะเป็นแห่งเดียวในญี่ปุ่น ที่มีพะยูนให้ได้ดูกันอีกด้วย (พะยูน ไม่ใช่ “แมนนาที” ที่พบได้บ่อย ในหลาย ๆ อควาเรียม ซึ่งจะที่มีรูปร่าง คล้าย ๆ กันนะครับ)
ภูมิภาค: คันไซ
พิกัด: https://goo.gl/maps/RUiW29EM1UK2
การเดินทาง: จาก JR สถานี Nagoya นั่งสาย Rapid Mie ไปลงสถานี Toba และเดินต่อไปยังพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำประมาณ 750 เมตร
เปิด: 9.00 – 17.00
ค่าเข้า: 2,500 เยน
เว็บไซต์: https://www.aquarium.co.jp/foreign_language/thai/thai-pdf.pdf
อ่านรีวิวเต็มที่ >> https://flyingwhale.me/guide-book/nagoya/
16. Sea angel @ Toba Aquarium, Toba
นางฟ้าทะเล ที่พิพิธภัณฑ์สัตว์นำ้โทบะ, โทบะ

ยังอยู่กันที่พิพิธภัณฑ์สัตว์นำ้โทบะครับ ถ้าพะยูนเป็นพระเอกของที่นี่แล้ว นางเอกที่ต้องแวะชมกันให้ได้เช่นกัน ก็คือ เหล่านางฟ้าทะเล สัตว์นำ้ขนาดจิ๋ว จากแถบขั้วโลกที่มีอากาศหนาวเย็น มีรูปร่างที่ ทั้งแปลกประหลาด และก็สวยงามไปพร้อม ๆ กัน โดยเฉพาะท่วงท่าการว่ายนำ้ของพวกเธอนั้น ดูราวกับนางฟ้าในนิทานที่กำลังโบยบินอยู่เลยฮะ
ภูมิภาค: คันไซ
พิกัด: https://goo.gl/maps/RUiW29EM1UK2
การเดินทาง: จาก JR สถานี Nagoya นั่งสาย Rapid Mie ไปลงสถานี Toba และเดินต่อไปยังพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำประมาณ 750 เมตร
เปิด: 9.00 – 17.00
ค่าเข้า: 2,500 เยน
เว็บไซต์: https://www.aquarium.co.jp/foreign_language/thai/thai-pdf.pdf
อ่านรีวิวเต็มที่ >> https://flyingwhale.me/guide-book/nagoya/
17. Penguin @ Nagasaki Penguin Aquarium, Nagasaki
เพนกวิน ที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำนะงะซะกิ เพนกวิน, นะงะซะกิ

ในบรรดาอควาเรียมที่มีอยู่มากมายในญี่ปุ่น “พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำนะงะซะกิ เพนกวิน” จังหวัดนะงะซะกิ ภูมิภาคคิวชู คือ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเพียงแห่งเดียว ที่ได้รวบรวม “เพนกวิน” เอาไว้หลากหลายสายพันธุ์ และมีจำนวนมากที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีรูปแบบในการนำเสนอที่ไม่ซ้ำใคร เพราะมีทั้ง โซนแทงค์น้ำตู้กระจกขนาดใหญ่ ให้เราได้เห็น ลีลาการว่ายน้ำสุดพลิ้วของเหล่าเพนกวิน และไฮไลท์อย่างโซนชายหาด (Fureai Beach) ที่จะพาเราไปสัมผัสกับ เพนกวิน อย่างใกล้ชิด จากการออกมาโชว์ตัว เดินชิลล์บนหาดทราย และเล่นน้ำทะเลจริง ๆ ซึ่งวาฬบอกได้เลยครับว่า อะไรแบบนี้ หาดูไม่ได้ง่าย ๆ จากที่อื่นอย่างแน่นอน
ภูมิภาค: คิวชู
พิกัด: https://goo.gl/maps/58DBLpDFJSt
การเดินทาง: จากสถานีรถไฟ JR Nagasaki ออกจากทางออกด้านตะวันออก ข้ามสะพานลอย เดินไปขึ้นป้ายรถเมล์ที่อยู่แถวหน้าร้าน Yoshinoya ( https://goo.gl/maps/wi86jvtcw5S2 ) ดูปลายทางสุดสาย Aba หรือ Kasuga-shako-mae ลงที่ป้าย Penguin Aquarium นั่งรถบัสประมาณประมาณ 30 นาที
วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ : ออกจากทางออกด้านใต้ ข้ามสะพานลอย ป้ายรถเมล์จะอยู่ที่อยู่แถวหน้าร้าน Nihonkai-shoya ( https://goo.gl/maps/XmecX2SbpdT2 )
เปิด: 9.00 – 17.00
ค่าเข้า: 510 เยน
เว็บไซต์: https://penguin-aqua.jp/english/access.html
อ่านรีวิวเต็มที่นี่ https://flyingwhale.me/guide-book/nagasaki-penguin-aquarium/
18. Whale shark @ Okinawa Churaumi Aquarium, Motobu
ฉลามวาฬ ที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโอกินาว่า จูราอุมิ, โมะโตะบุ

“พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโอกินาว่า จูราอุมิ” จังหวัดโอกินาว่า ภูมิภาคคิวชู คือ สุดยอดเป้าหมายของนักท่องเที่ยวที่มาเยือน เกาะโอกินาว่า เพราะเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และติดอันดับต้น ๆ ของโลก ภาพฉลามวาฬตัวใหญ่ในแท้งค์แบบชัดเจน จัดเต็ม ผ่านกระจกผืนเดียว ไม่มีอะไรมาเกะกะขัดขวางสายตา ที่วาฬมีปีกเก็บมาฝากทุกคนนั้น การันตีได้เลยว่าไม่ซํ้ากับมุมมองการดูฉลามวาฬ ในอควาเรียมที่อื่น ๆ อย่างแน่นอน ครับผม
ภูมิภาค: คิวชู
พิกัด: https://goo.gl/maps/LoNpDq9Xu5SY3Hi47
การเดินทาง: จากสนามบิน Naha ใช้ Yanbaru Express Bus นั่งไปลงที่ป้าย Kinenkoen mae ประมาณ 2 ชั่วโมง ( รอบรถ 6:40/8:37/10:30/12:00/4:30/16:50/19:00 )
เปิด: 8.30 – 20.00
ค่าเข้า: 1,850 เยน
เว็บไซต์: https://churaumi.okinawa/sp/en/
อ่านรีวิวเต็มที่ >> https://bit.ly/2MyGxaJ
