Chiba: พาเที่ยวจังหวัดชิบะ : ประตูสู่ญี่ปุ่น แสงแรกแห่งวันใหม่ และสวนสนุกระดับโลก

Loading

ที่เที่ยวในชิบะ

21 Places to visit in “Chiba”
21 สถานที่ควรไปใน “ชิบะ”

รีวิวก่อนหน้านี้ วาฬพาทุกคนไปเที่ยวจังหวัดไกล ๆ มาก็มากแล้ว คราวนี้เลยคิดว่าลองวกกลับมาใกล้ ๆ โตเกียว กันบ้างดีกว่า สาเหตุก็เพราะจังหวัดในแถบนี้มักถูกมองข้าม โดนรัศมีความโตเกียวกลบจนหมด ซึ่งเข้าใจได้เลยแหละ ก็โตเกียวมันครบซะขนาดนั้น ถึงบางครั้งจะมีแวะออกมาเที่ยวบ้าง แต่ส่วนมากก็ยังเป็นวันเดย์ทริปไปเช้าเย็นกลับทั้งสิ้น ดังนั้นรีวิวทั้งจังหวัดรอบนี้ วาฬจึงตั้งโจทย์ไว้ว่าอยากแนะนำความพิเศษในแบบที่ไม่มีในโตเกียว ทั้งที่อยู่ใกล้ ๆ กัน และน่าดึงดูดเพียงพอที่จะฝังตัวเที่ยวได้แบบเต็มทริป ที่สุดแล้วก็พบว่าจังหวัดชิบะนี่แหละใช่เลย ! ตามวาฬมาดูกันครับ ว่าชิบะจะมีอะไรให้เที่ยวมากกว่าที่คิดขนาดไหน

chiba อยู่ไหน

จังหวัดชิบะ ตั้งอยู่ในภูมิภาคคันโต เช่นเดียวกับโตเกียว โดยชิบะ อยู่ทางทิศตะวันออก ห่างจากใจกลางโตเกียว ไม่เกิน 40 นาทีเท่านั้นด้วยรถไฟ มีพื้นที่ส่วนหนึ่งอยู่ในคาบสมุทรโบโซ (Boso) ที่ห้อมล้อมไปด้วยทะเลถึง 3 ทิศ ทำให้วงการประมงของชิบะเฟื่องฟูถึงขีดสุด และมีความสำคัญในระดับประเทศเลยทีเดียว นอกจากนี้ ชิบะ ยังเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น สนามบินนานาชาตินาริตะ (NRT), วัดนาริตะซัง ชินโจจิ, ท่าเรือโจชิ และสวนสนุกระดับโลก โตเกียวดิสนีย์แลนด์ & โตเกียวดิสนีย์ซี 

สำหรับที่เที่ยวในครั้งนี้ วาฬลิสต์ออกมาเป็น 21 สถานที่ควรไปในชิบะ ที่ครอบคลุมทั้ง ธีมปาร์ค, งานประดับไฟ, วัดและศาลเจ้า, ธรรมชาติ, อควาเรียม, ร้านอาหาร ตลอดจน ที่พัก อย่างครบถ้วน พร้อมให้ทุกคนจับใส่แพลนของตัวเอง แล้วไปตามรอยกันได้เลย โดยวาฬจะจัดหมวดหมู่ตามโซนที่ตั้ง เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ซึ่งแบ่งเป็น โซนอ่าว, โซนเหนือ และโซนใต้ สำหรับสถานที่ทั้งหมดมีดังต่อไปนี้ครับ

โซนอ่าว (ฝั่งตะวันตกติดกับโตเกียว)
1. Tokyo DisneyLand & DisneySea (ดิสนีย์แลนด์ & ซี)
2. Mihama-en (สวนมิฮะมะเอ็น)

โซนเหนือ (ฝั่งตะวันออกติดกับมหาสมุทณแปซิฟิก)
3. Narita-san Shinsho-ji (วัดนาริตะซัง ชินโจจิ)
4. Narita-san Omotesando (นาริตะซัง โอะโมะเทะซังโด)
5. Unaju @Omotesando (ข้าวหน้าปลาไหลที่โอะโมะเทะซังโด)
6. Boso-no-Mura (พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งโบโซ โนะ มุระ)
7. Sawara (ย่านเมืองเก่าซะวะระ)
8. Toukun Shuzo (โรงงานสาเก โทคุนชูโซ)
9. Choshi Port (ท่าเรือโจชิ)
10. Inubosaki (ประภาคารอินุโบซะกิ)
11. Umi To Mori (โรงแรม อุมิ โตะ โมะริ)

โซนใต้ (อยู่ในพื้นที่คาบสมุทรโบโซ)
12. Winter Illumination 2019 – 20 @Country Farm Tokyo German Village
13. Shiraishi (ร้านเนื้อชิระอิชิ)
14. Kanouzan Jinyaji (วัดคะโนซัง จินยะจิ)
15. Mother Farm (มาเธอร์ ฟาร์ม)
16. The Fish (ร้านอาหาร&ของฝาก เดอะ ฟิช)
17. Mount Nokogiri (ยอดเขาโนะโกะงิริ)
18. Nihonji (วัดนิฮงจิ)
19. Kameiwa Cave (Nomizo Falls) (อุโมงค์คะเมะอิวะ (น้ำตกโนมิโสะ))
20. Kamogawa Sea World (คาโมะงะวะ ซี เวิลด์)
21. Matsunoya Ryokan (มะสึโนะยะ เรียวกัง)

สำหรับรายละเอียดของแต่ละสถานที่ สามารถอ่านได้จากใต้รูปเหมือนเดิมนะครับ ใครที่มีเรื่องอยากสอบถาม หรือ มีคำแนะนำเพิ่มเติมใด ๆ สามารถทักมาคุยกับวาฬหลังไมค์ หรือ คอมเมนต์ใต้โพสต์นี้ได้เลยครับผม

การเดินทาง: จากสถานี Tokyo ไปสู่ใจกลางของชิบะ ที่สถานี Chiba ใช้รถไฟสะดวกที่สุด มีหลายสายมาก ๆ ครับ โดยใช้เวลาประมาณ 40 นาทีเท่านั้น


ชิบะ chiba

1. Tokyo DisneyLand & Tokyo DisneySea
โตเกียวดิสนีย์แลนด์ & โตเกียวดิสนีย์ซี

ถึงจะมีคำว่า โตเกียว อยู่ในชื่อ แต่จริง ๆ แล้วสวนสนุกระดับโลกทั้ง 2 แห่งนี้ ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดชิบะ ทำให้เราสามารถเพิ่ม ดิสนีย์แลนด์ หรือ ดิสนีย์ซี เข้าไปในแพลนเที่ยวได้เลย โดยไม่ต้องกังวลว่าจะกระทบกับทริปรึป่าว เพราะเดินทางไปจากฝั่งชิบะก็สะดวกมาก ๆ เช่นกันนั่นเอง ส่วนจะเข้าแลนด์หรือซีดีกว่า หรือ จะเข้าทั้ง 2 แห่งเลย อันนี้ต้องขึ้นอยู่ความชอบ และเวลาที่แต่ละคนมีเป็นหลักครับ ยังไงวาฬจะทำรีวิวเปรียบเทียบระหว่างทั้งคู่เพื่อช่วยในการประกอบการตัดสินใจของทุกคนในโอกาสต่อ ๆ ไปนะครับ รอติดตามกันด้วยล่ะ

พิกัด: https://goo.gl/maps/xTmyvZZtc7r
เปิด: 8.00 – 22.00 (เวลาเปิดปิดอาจจะมีเปลี่ยนแปลงต้องเช็คจากเว็บไซต์)
ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 7,400 เยน / เด็กโต 6,400 เยน /เด็กเล็ก 4,800 เยน (ราคานี้สำหรับเข้าแห่งเดียวเท่านั้น)
การเดินทาง: ลงสถานี JR Maihama
เว็บไซต์: https://www.tokyodisneyresort.jp/th/tdr/calendar.html


2. Mihama-en
สวนมิฮะมะเอ็น

สวนญี่ปุ่นขนาดใหญ่ของจังหวัดชิบะ ที่มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไปใน 4 ฤดูกาล เป็นอีกจุดที่เหมาะแก่การมาผ่อนคลาย หรือ เดินถ่ายรูปเล่นมาก ๆ ภายในยังมี เรือนชาแบบดั้งเดิม ให้บริการเสิร์ฟชาตามพิธีชงชาแบบต้นตำหรับอีกด้วย ไม่มีอะไรดีสำหรับการพักผ่อน ไปกว่า ชาหอม ๆ กับ วิวสวย ๆ อีกแล้วล่ะครับ

พิกัด: https://goo.gl/maps/FefKkym5P5pQ1GHB6
การเดินทาง: นั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานี Kaihimmakuhari แล้วเดินต่อมายังสวนอีกประมาณ 10 นาที
เวลา: 8.00 – 17.00 น. 
เว็บไซต์: https://japan-chiba-guide.com/sys/data/index/page/id/18325/


3. Narita-san Shinsho-ji
วัดนาริตะซัง ชินโจจิ 

วัดนาริตะซัง ชินโจจิ เป็นวัดในพระพุทธศาสนา นิกายชินงอน (Shingon) ที่มีความเก่าแก่เป็นอย่างมาก สร้างขึ้นมาแล้วกว่า 1,000 ปี ในปัจจุบันเป็นหนึ่งในวัดที่มียอดผู้คนเข้ามาทำบุญ และสักการะขอพรต่อปี มากเป็นอันดับต้น ๆ ในญี่ปุ่นเลยทีเดียวครับ ด้วยความเป็นมาอันยาวนาน ตำนานเล่าขานเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ ไปจนถึง ความสะดวกในการเดินทางมาเยือน เพราะอยู่ไม่ไกลจากสนามบินนาริตะ ยิ่งทำให้วัดแห่งนี้ เป็นที่รู้จักในหมู่นักเดินทางมากขึ้นเรื่อย ๆ ใครมาเที่ยวจังหวัดชิบะ และโตเกียวโดยเฉพาะที่ลงสนามบินนาริตะนั้น ไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่จะปฏิเสธการแวะมาเที่ยวที่วัดนาริตะซังได้เลยครับ

ไฮไลท์ของวัดแห่งนี้มีหลายอย่างมาก ๆ วาฬเลยขอยกบางส่วนที่ประทับใจส่วนตัวมาเล่าให้ฟังก็แล้วกันนะครับ อันดับแรก ได้แก่ “ฟุโด เมียวโอ” (Fudo Myo-O) เทวรูปที่ประดิษฐานอยู่ภายในตัว วิหารหลัก (Daihondo Hall) ซึ่งมีรูปลักษณ์สุดแปลกตา ด้วยใบหน้าที่ ดุดัน ขึงขัง มีเขี้ยวยาวออกมาจากปาก มือข้างหนึ่งนั้นถือดาบ อีกข้างถือเชือก มีความหมายเกี่ยวกับ การปราบสิ่งชั่วร้าย และดึงจิตใจมนุษย์ที่หลงผิด ให้กลับมาอยู่ในทางแห่งธรรม“ฟุโด เมียวโอ” จึงเป็นเทพเจ้าในนิกายชินงอน ที่ทำหน้าที่ปกป้องคำสอน และความดีตามหลักพระพุทธศาสนาพระองค์หนึ่งนั่นเองครับผม (ภายในวิหารไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ เลยไม่ได้มีรูปจริงมาฝากนะครับ)

อันดับต่อมาคือ เจดีย์สีแดง 3 ชั้น สัญลักษณ์ของวัดนาริตะซัง ที่อยู่คู่กับวัดมาอย่างช้านาน เป็นสิ่งปลูกสร้างที่สวยงามมาก ๆ ใครที่มาเที่ยวอย่าลืมเก็บภาพสวย ๆ กลับไปด้วยนะครับ เดี๋ยวจะโดนแซวได้ว่ามาไม่ถึงวัดนาริตะซัง โดยเฉลี่ยแล้ว สิ่งที่คนนิยมมาขอพรกันมากที่สุดในวัดแห่งนี้ คือ เรื่องความโชคดี ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และการสมหวังในความรัก โดยเฉพาะในช่วงปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ ผู้คนยิ่งจะคับคั่งเป็นพิเศษเลยฮะ

วัดนาริตะซังนั้น เป็นวัดที่มีการบูรณะอยู่เสมอ โดยรอบของการปรับปรุงจะอยู่ในช่วง 10 ปี ล่าสุดเป็นคิวของซุ้มประตูทางเข้า หรือ โซมง (ทำจากไม้เคยากิทั้งหลัง) ที่เพิ่งเสร็จสมบูรณ์ไป ภายในมีพระประจำปีเกิดประดิษฐานอยู่ เชื่อกันว่าผู้ที่ผ่านประตูโซมงเข้ามา ก็จะพบกับความโชคดีด้วยนะครับ

พิกัด: https://goo.gl/maps/Fvh6QcifEVbTd2uh8
การเดินทาง: ลงสถานี Narita สาย JR หรือสาย Keisei Line แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาที
เวลา: 05.30-16.00 น.
เว็บไซต์ : https://www.naritasan.or.jp/thailand/

แผ่นไม้ขอพรเป็นรูป “ฟุโด เมียวโอ” (Fudo Myo-O) เทวรูปที่ประดิษฐานอยู่ในวิหารหลักของวัด

4. Narita-san Omotesando
ถนนนาริตะซัง โอะโมะเทะซังโด

การช้อปปิ้งที่ ถนนโอะโมะเทะซังโด และชิมข้าวหน้าปลาไหล หรือ อูนาจู (Unaju) สูตรเฉพาะของเมืองนาริตะ คืออีกหนึ่งกิจกรรมที่ห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยวชิบะ และโตเกียว ถนนเส้นนี้เป็นทางสายหลักก่อนถึงวัดนาริตะซังเลยครับ ตลอดระยะทางประมาณ 800 เมตร จะเต็มไปด้วย ร้านขายของญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม และกลิ่นหอมจากเตาย่างปลาไหล ที่ทำกันให้เห็นสด ๆ หน้าร้านเลย ยากที่ใครจะอดใจไหวแน่ ๆ ฮะ ส่วนใครที่ชอบบรรยากาศแบบย้อนยุค ก็จะยิ่งอินเข้าไปอีกกับอาคารบ้านเรือนในแถบนี้ รับรองว่า ช้อปก็เพลิน ท้องก็อิ่ม แถมถ่ายรูปก็สวยอีกด้วยครับ

พิกัด: https://goo.gl/maps/YaJX24WwbKGbNfhF7
การเดินทาง: ลงสถานี Narita สาย JR หรือสาย Keisei Line แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาที


5. Unaju @Narita-san Omotesando
ข้าวหน้าปลาไหลที่ถนนนาริตะซัง โอะโมะเทะซังโด

ข้าวหน้าปลาไหลถือเป็นเมนูขึ้นชื่อของเมืองนาริตะ โดยจะนำ ปลาไหลน้ำจืด หรือ อูนางิ (Unagi) มาย่างให้สุกกำลังดี แล้วทาด้วยซอสรสชาติหวานเค็มสูตรเฉพาะ นำมาวางลงบนข้าวญี่ปุ่นร้อน ๆ ในกล่องจูบะโกะ เรียกชื่อเมนูว่า อูนาจู (Unaju) รับประทานคู่กับซุปที่ต้มจากเครื่องในของปลาไหล จะยิ่งเข้ากันได้ดีแบบสุด ๆ ใครอยากลิ้มลองข้าวหน้าปลาไหลสไตล์ต้นตำหรับจริง ๆ ล่ะก็ ต้องมาที่ถนนโอะโมะเทะซังโดแห่งนี้เลยครับ 

ถนนสายนี้ มีให้เลือกชิมหลายร้านตลอด 2 ข้างทาง โดยถ้าเป็นร้านดังอย่าง คะวะโทโยะ ฮอนเท็น (Kawatoyo Honten) คิวจะค่อนข้างยาวหน่อย หากใครที่ไม่ซีเรียสมาก วาฬขอแนะนำอีกร้านที่เพิ่งไปกินมา ก็คือ โอโนะยะ (Onoya) ที่ตัวร้านเป็นเหมือนโรงเตี๊ยมเก่าดูย้อนยุคดี ได้บรรยากาศไปอีกแบบ ส่วนรสชาติก็อร่อยไม่แพ้กันเลย

พิกัดร้าน Onoya: https://goo.gl/maps/tKWAJ1ZfHbqGN2gU6
การเดินทาง: ลงสถานี Narita สาย JR หรือสาย Keisei Line แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาที


6. Boso-no-Mura Open Air Museum
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งโบโซ โนะ มุระ

วาฬเคยเขียนถึงความหมายของพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งในญี่ปุ่นไว้แล้ว ใครที่สนใจลองเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ตามลิ้งค์นี้เลยนะครับ https://flyingwhale.me/guide-book/edotokyoopenairmuseum/ ซึ่งของที่ชิบะแห่งนี้ ก็จะคล้าย ๆ กับที่โตเกียวในด้านคอนเซ็ปต์เลยฮะ เพียงแค่เปลี่ยนเป็นธีม วัฒนธรรมดั้งเดิมของคาบสมุทรโบโซแทน โดยคำว่า โบโซ ก็คือ ชื่อคาบสมุทรทางฝั่งตะวันออกของโตเกียว ซึ่งเป็นที่ตั้งของจังหวัดชิบะนั่นเองครับผม ในอดีตเคยเป็นพื้นที่เพาะปลูกที่สำคัญของชุมชนดั้งเดิมก่อนที่ญี่ปุ่นจะเข้าสู่สมัยใหม่ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งนี้ จึงตั้งใจพาเราย้อนกลับไปสำรวจดินแดนโบโซในยุคศักดินา ผ่านการจำลองสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ทั้ง บ้านซามูไร บ้านพ่อค้า ไปจนถึง ที่พักอาศัย และฟาร์มของชาวนา

กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวนิยมทำมากที่สุด ก็คือ การแต่งคอสเพลย์เป็นอาชีพต่าง ๆ ของผู้คนในสมัยเอโดะ ไปเดินเล่น ถ่ายรูปในบรรยากาศแบบย้อนยุค และเข้าร่วมเวิร์คช็อปที่มีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทำเครื่องจักรสานจากไม่ไผ่, การตีดาบซามูไร หรือ การตกแต่งเทียนด้วยกระดาษสีสไตล์ญี่ปุ่น หรือ ชิโยะงะมิ (Chiyogami)

พิกัด: https://goo.gl/maps/kb5f7vxcY7nvbkt79
การเดินทาง: จากสถานี Narita นั่งรถบัส Chiba Kotsu Bus สาย Ryukakujidai-Shako ไปลงที่ป้าย Ryukakujidai-Ni-Chome ประมาณ 20 นาที แล้วเดินต่อไปอีก 10 นาที
เวลา: 9.00 – 16.30 น. 
วันหยุด: ปิดทุกวันจันทร์ (หากวันจันทร์เป็นวันหยุดราชการจะปิดทำการในวันถัดไป)
ค่าเข้า: 300 เยน
เว็บไซต์: http://www2.chiba-muse.or.jp/www/MURA/contents/1520316673745/index.html

มาเที่ยวที่ โบโซ โนะ มุระ ทั้งที ต้องไม่พลาดที่จะแต่งคอสเพลย์ธีมย้อนยุค
ให้กลมกลืนไปกับบรรยากาศโดยรอบด้วยนะครับ

7. Sawara
ซะวะระ

ซะวะระ เป็นย่านเมืองเก่าชื่อดังประจำจังหวัดชิบะ ให้อารมณ์คล้าย ๆ กับ คาวาโงเอะ (Kawagoe) ที่ไซตามะ หรือ ย่านกิออน (Gion) ที่เกียวโต ซะวะระ เคยเป็นเมืองการค้าที่เจริญรุ่งเรืองในสมัยเอโดะ โดยมีแม่น้ำโอะโนะสายเล็ก ๆ เป็นเส้นทางหลักในการสัญจร และขนส่งสินค้า จึงได้มีการสร้าง บ้านเรือน และโกดังต่าง ๆ ตลอด 2 ฝั่งแม่น้ำอย่างหนาแน่น ในปัจจุบันสิ่งปลูกสร้างอายุเกิน 100 ปีเหล่านี้ ยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี จนมีกองภาพยนตร์ และซีรีย์ย้อนยุคชื่อดังหลายเรื่อง เลือกใช้ ซะวะระ เป็นสถานที่ถ่ายทำอีกด้วยนะครับ

กิจกรรมที่เป็นไฮไลท์ ได้แก่ ล่องเรือชมวิวในแม่น้ำโอะโนะ (รอบละ 30 นาที), ปั่นจักรยานซึมซับบรรยากาศไปจนถึงถนนเลียบแม่น้ำโทเนะทางทิศเหนือ, ชิมไอศกรีมโชยุ และวุ้นจากมันญี่ปุ่น, เดินเล่น หามุมสวย ๆ ถ่ายรูป โดยจุดที่วาฬขอแนะนำเป็นพิเศษ ก็คือ สะพานเคียวเอบาชิ (Kyoei -bashi) ซึ่งเป็นสะพานเก่าที่สวยงามมาก ๆ และ สะพานโทโยบาชิ (Toyo-bashi) ที่ในทุก ๆ ครึ่งชั่วโมงจะมีน้ำตกไหลลงมาจากสะพานด้วยนั่นเอง

พิกัด: https://goo.gl/maps/VeMNrH7bbVwJnGrE8
การเดินทาง: จากสถานี Narita นั่งรถไฟสาย JR Narita ปลายทาง Choshi ลงที่สถานี Sawara ใช้เวลาประมาณ 40 นาที แล้วเดินต่อมายังจุดท่องเที่ยวหลักของเมืองประมาณ 15 นาที
เว็บไซต์ : http://www.suigo-sawara.ne.jp/abroad_ta_top.html


8. Toukun Shuzo
โรงงานสาเก โทคุนชูโซ

การผลิตสาเก เป็นอีกหนึ่งวิถีความเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิมในเมืองซะระวะ ณ โรงงานสาเก โทคุนชูโซ แห่งนี้ เปิดให้เข้าชมกระบวนการผลิตสาเก

พิกัด: https://goo.gl/maps/66W5GwJv2ncpUgPG9
การเดินทาง: จากสถานี Narita นั่งรถไฟสาย JR Narita ปลายทาง Chosi ลงที่สถานี Sawara ใช้เวลาประมาณ 40 นาที แล้วเดินต่อมายังโรงสาเกอีกประมาณ 10 นาที
เว็บไซต์: http://www.tokun.co.jp/en/


9. Choshi Port
ท่าเรือโจชิ

คือท่าเรือขนาดใหญ่อันดับหนึ่ง และเป็นศูนย์กลางแห่งการประมงของจังหวัดชิบะ อีกทั้งยังเป็นท่าเรือที่มีสถิติการจับปลาได้มากที่สุดในญี่ปุ่น ตลอดช่วง 8 ปีที่ผ่านนี้ ซึ่งปลาจากท่าเรือโจชินั้น จะถูกส่งต่อไปยังตลาดปลาต่าง ๆ ทั่วทั้งประเทศอีกทีหนึ่ง โดยเริ่มต้นที่กระบวนการประมูลปลาสด เพื่อต่อรองราคากันระหว่างเหล่าพ่อค้า สำหรับปลาที่เป็นไฮไลท์ของการประมูลก็คงหนีไม่พ้น “ปลาทูน่า” ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่คนญี่ปุ่นนิยมกินกันมากที่สุด แถมยังมีมูลค่าสูงมหาศาลอีกด้วยนั่นเอง 

ความพิเศษก็คือ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมการประมูลนี้ได้ด้วย โดยต้องแจ้งกับทางท่าเรือ และเข้าไปอย่างมีระเบียบ ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นไม่น้อยเลยครับ เมื่อได้เห็นปลาทูน่าไซส์ยักษ์ วางเรียงรายอยู่ข้างหน้าจำนวนมากขนาดนั้น อ้อ! แต่ถ้าวันไหนที่มีคนเยอะเกิน และ ทางเจ้าหน้าที่ไม่สะดวก เราสามารถขึ้นไปชมจากชั้นบนได้เลย อันนี้ไม่ต้องขออนุญาตครับผม

พิกัด: https://goo.gl/maps/zZWfjfkVG25cX6nYA
การเดินทาง: จากสถานี Chiba นั่งรถไฟสาย Sobu ไปลงสถานี Choshi ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วเดินต่อไปยังตลาดปลาอีก 20 นาที
เวลา: 8.00 – 11.30 น.
วันหยุด: วันอาทิตย์
เว็บไซต์: http://www.city.choshi.chiba.jp/andacore/en/category/see/choshigyoko.html


10. Inubosaki Lighthouse
ประภาคารอินุโบซะกิ

เป็นประภาคารเก่าแก่ ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ ปี 2417 บนแหลมอินุโบ เคยมีความสำคัญอย่างมากในอดีต ใช้ช่วยนำทางในทะเล และ ระบุจุดอันตรายตามแนวชายฝั่งทะเล เพื่อความปลอดภัยในการเทียบท่า ด้วยระบบไฟ และเลนส์เฟรสเนล (Fresnel Lens) ขนาดใหญ่ ประภาคารแบบนี้ ถือว่าหาชมได้ยากแล้วในปัจจุบัน เนื่องจากทั่วโลกมีการใช้งานลดลง ด้วยค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่สูง และถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีการเดินเรือที่ทันสมัยมากขึ้น อีกทั้งประภาคารเท่าที่ยังใช้งานอยู่ ก็ค่อนข้างเข้าถึงได้ยาก ไม่ค่อยได้เปิดสาธารณะให้เข้าไปเยี่ยมชมได้สักเท่าไหร่

ดังนั้นจึงพิเศษมาก ๆ เลย สำหรับ ประภาคารอินุโบซะกิ ที่เปิดให้เข้าชมได้ โดยมีทั้ง พิพิธภัณฑ์ขนาดเล็ก เพื่อบอกเล่าประวัติความเป็นมาและความสำคัญของประภาคาร การจัดแสดงเลนส์ของจริง ที่เราสามารถลองเดินผ่านเลนส์เพื่อทดสอบความสามารถในการขยายขนาด ตลอดจน จุดชมวิวมหาสมุทรแปซิฟิก จากด้านบนของประภาคาร ถือเป็นโอกาสที่ดีในการเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดีทีเดียวครับ

พิกัด: https://goo.gl/maps/TbtWAghxorg28yLp9
การเดินทาง: จากสถานี Chiba นั่งรถไฟสาย Sobu ไปลงสถานี Choshi ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วเปลี่ยนมาใช้รถรางไปลงที่สถานี Inubo แล้วเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที
เวลา: 8.30 – 16.00 น.
ค่าเข้า: 200 เยน 
เว็บไซต์: http://www.city.choshi.chiba.jp/andacore/en/category/see/inubosakitodai.html

เลนส์ของประภาคารที่ใช้ขยายไฟ และส่องแสงออกไปในท้องทะเลนั่นเอง

11. Umi To Mori
อุมิ โตะ โมะริ

ขอปิดท้ายทริปชิบะ ด้วยโรงแรมสุดหรู “อุมิ โตะ โมะริ” (แปลว่า ทะเล กับ ป่าไม้) โรงแรมที่ช่วงปีใหม่ซึ่งกำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันนี้ จะมีทั้งคนญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยวทั่วไปจองกันเต็มตลอด เพราะพวกเขาต้องการสัมผัสกับแสงแรกของปีก่อนใคร เมื่อพระอาทิตย์ได้โผล่พ้นเส้นแบ่งผืนฟ้าและมหาสมุทรขึ้นมา ณ ดินแดนที่อยู่สุดขอบฝั่งตะวันออกของประเทศแห่งนี้นั่นเอง

นอกจากโลเคชันอันเฉพาะตัวแล้ว อุมิ โตะ โมะริ ยังเป็นโรงแรมสไตล์เรียวกัง ที่ตกแต่งได้อย่างสวยงาม โดยที่ยังคงเสน่ห์ของความเรียบง่ายตามแบบฉบับญี่ปุ่นดั้งเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกก็มีครบ ห้องพักมีขนาดกว้างขวาง มีออนเซ็นส่วนตัวให้ใช้บริการได้ที่ระเบียง อาหารก็อร่อยมาก ๆ อีกด้วย ไม่มีอะไรให้ติเลยครับ เอาเป็นว่าถ้าใครมีโอกาส วาฬแนะนำมาก ๆ เชื่อเหลือเกินว่า อุมิ โตะ โมะริ จะสามารถเติมเต็มทริปชิบะของทุกคนให้สมบูรณ์แบบ และน่าเป็นที่น่าจดจำมากยิ่งขึ้นได้อย่างแน่นอนครับ

พิกัด: https://goo.gl/maps/1Zk4uVhoUoDD773G7
การเดินทาง: จากสถานี Chiba นั่งรถไฟสาย Sobu ไปลงสถานี Choshi ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วเปลี่ยนมาใช้รถรางไปลงที่สถานี Inubo แล้วเดินต่ออีกประมาณ 7 นาที
เว็บไซต์: http://ryokan-umitomori.com/


12. Winter Illumination 2019 – 20 @Country Farm Tokyo German Village
งานประดับไฟฤดูหนาว 2562 – 63 ที่ คันทรี ฟาร์ม โตเกียว เยอรมัน วิลเลจ

การเที่ยวงานประดับไฟ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ขาดไม่ได้เลย สำหรับทริปฤดูหนาว โดยที่จังหวัดชิบะเอง ก็มีการจัดงานสุดยิ่งใหญ่ไม่แพ้ที่อื่นเช่นกันครับ วาฬขอแนะนำที่นี่เลย คันทรี ฟาร์ม โตเกียว เยอรมัน วิลเลจ ธีมปาร์คขนาดใหญ่ ที่ให้เราจุใจไปกับหลอดไฟ LED มากถึง 3 ล้านดวงทั่วทั้งงาน เสริมด้วย อีเวนท์พิเศษ “โคมไฟจีน” (China Lantern) และกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย โดยงานจัดขึ้นแล้วตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึง วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2563 เท่านั้นนะครับ

พิกัด: https://goo.gl/maps/LEct2sZKcuPtW5gc8
การเดินทาง: จากสถานี Tokyo นั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานี Chiba แล้วนั่งรถบัส “Kapina” ไปยังงานประดับไฟ รอบรถ 9.05, 10.40, 12.15, 13.30, 15.30 ใช้เวลาประมาณ 40 นาที หรือนั่งรถไฟไปลงที่สถานี Anegasaki แล้วต่อรถบัสจากสถานีมาลงที่ป้าย Hiraokasho mae แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 10 นาที
เวลา: 9.30 – 20.00
ค่าเข้า: 500 เยน แต่หากเอารถมาจะเสียค่าเข้าเหมาต่อคัน 2,500 เยน 
ระยะเวลาจัดงาน: 1/11/2019 – 5/4/2020


13. Shiraishi 
ร้านเนื้อชิระอิชิ

จริง ๆ แล้ว เนื้อวัวของจังหวัดชิบะนั้น มีคุณภาพ และชื่อเสียงโด่งดังในประเทศญี่ปุ่น ไม่แพ้ โกเบ หรือ มัตสึซากะ เลยฮะ โดยเนื้อของที่นี่จะมีชื่อเรียกว่า “คะซุสะ วากิว” (Kazusa Wagyu) ครับผม ใครเป็นสายเนื้อต้องลองให้ได้ทีเดียว สำหรับร้านที่วาฬขอแนะนำ ก็คือ “ชิระอิชิ” ซึ่งมี คะซุสะ วากิว เสิร์ฟในสไตล์ปิ้งย่าง และมีเกรดถึงระดับ A5 รสสัมผัสคือชุ่มฉ่ำมาก กลิ่นหอมเนื้อออกมาเน้น ๆ และละลายในปากอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอนครับ

พิกัด: https://goo.gl/maps/cDLmFd6hLNG5EaH56
การเดินทาง: จากสถานี Chiba นั่งรถไฟสาย JR Uchibo ไปลงสถานี Kimitsu แล้วนั่งรถ taxi ต่อไปยังร้านอาหารอีกประมาณ 3 กิโลเมตร
เวลา: 17.00 – 22.00 น.


14. Kanouzan Jinyaji
วัดคะโนซัง จินยะจิ

วาฬขอยกให้ วัดคะโนซัง จินยะจิ เป็นวัดลับ ที่คนไทยน่าจะยังไม่ค่อยรู้จักในอันดับต้น ๆ เลยครับ วัดแห่งนี้เป็นวัดในพระพุทธศาสนา นิกายชินงอน (Shingon) เช่นเดียวกับ วัดนาริตะซัง ตามข้อมูลเท่าที่วาฬสืบค้นได้ มีระบุว่าเป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคคันโต ในปัจจุบันวัดเล็ก ๆ แห่งนี้อาจจะดูเงียบเหงาไปบ้างในเวลาปกติ แต่สำหรับฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ที่นี่จะกลายเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงาม และโรแมนติกมาก ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ โดยตัววัดที่เป็นสีแดงอยู่แล้ว จะกลมกลืนไปกับบรรยากาศของใบไม้ที่กำลังเปลี่ยนสีได้อย่างลงตัวนั่นเอง

พิกัด: https://goo.gl/maps/HHno3PCN6bQi5EBY9
การเดินทาง: แนะนำว่าควรเช่ารถขับจะสะดวกที่สุด


15. Mother Farm
มาเธอร์ ฟาร์ม

ฟาร์มแห่งนี้จะตอบทุกโจทย์การท่องเที่ยวสำหรับทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น เที่ยวชมทุ่งดอกไม้หลากสีสัน ที่แตกต่างกันออกไปทั้ง 4 ฤดู เช่น คอสมอส, ไฮเดรนเยีย, นาโนฮานะ และ ซัลเวีย เป็นต้น, ชมการแสดงโชว์ฝูงสัตว์ในฟาร์มสุดน่ารัก ไม่ว่าจะเป็น “The Sheepdog & His Friends”, โชว์ต้อนฝูงเป็ด, โชว์ลูกหมูวิ่งแข่ง และอื่น ๆ อีกมากมาย, สัมผัสและให้อาหารสัตว์นานาชนิดอย่างใกล้ชิด, เก็บผลไม้ในสวน ทั้ง สตรอว์เบอร์รี (ม.ค.-พ.ค.), บลูเบอร์รี (ก.ค.-ส.ค.), และมะเขือเทศ (ธ.ค.-พ.ค.) ตลอดจน อิ่มท้องกับของอร่อยมากมายภายในฟาร์ม รับรองว่าทุกคนจะสนุกเพลิดเพลินกันได้ทั้งวันแบบไม่มีเบื่อเลยครับ

พิกัด: https://goo.gl/maps/rC4tsNVLrF6MGTeE7
การเดินทาง: จากสถานี Chiba นั่งรถไฟ JR Uchibo มาลงที่สถานี Kimitsu แล้วนั่งรถ Shttle Bus ของฟาร์มมาอีกประมาณ 30 นาที
เวลา: 9.00 – 17.00 น. 
ค่าเข้า: 1,500 เยน
เว็บไซต์: http://www.motherfarm.co.jp.e.acb.hp.transer.com/schedule/index.php


16. The Fish 
เดอะ ฟิช

เวลาไปเที่ยวแบบนี้ บางคนอาจกินมื้อเช้าไม่ทันบ้าง หรือ กินได้น้อยบ้าง ส่วนใหญ่ก็มีมื้อกลางวันนี่แหละ เป็นที่พึ่งสำคัญของร่างกายเลย ดังนั้น โจทย์ของเราคือต้องเน้นที่ให้เยอะไว้ก่อน แต่ก็ต้องอร่อย และสะดวกด้วยจะได้ไม่กระทบกับแผนเที่ยวในช่วงบ่ายต่อไป ซึ่งเมื่อดูจากโซนที่เราอยู่แล้ว “เดอะ ฟิช” คือคำตอบที่ดีสุด ๆ ครับ ที่นี่เป็นร้านอาหารซีฟู้ด ที่มีให้เลือกทั้งสไตล์ญี่ปุ่น และตะวันตก โดยให้ปริมาณเยอะ ไม่แพงเมื่อเทียบกับร้านทั่วไป และน่ากินเอามาก ๆ แถมการที่ร้านออกแบบมา ด้วยการใช้กระจกแทนฝาผนัง สามารถมองออกไปข้างนอกได้ ก็ยังทำให้เราได้ชมวิวทะเลไปเพลิน ๆ อีกด้วย และหากพอมีเวลาเหลือก็สามารถแวะซื้อของฝากจากชิบะได้ที่นี่อีกเหมือนกัน เห็นมั้ย เดอะ ฟิช คือจุดแวะชั้นยอดสำหรับทริปชิบะเลยแหละครับ

พิกัด: https://goo.gl/maps/9aX3rZ3Uqm4PiTyv9
การเดินทาง: การเดินทาง: จากสถานี Chiba นั่งรถไฟ JR สาย Uchibo มาลงที่สถานี Hama-Kanaya แล้วเดินต่อประมาณ 5 นาที
เวลา: 9.30 – 18.00 น.
เว็บไซต์: http://thefish.co.jp/restaurant/


17. Mount Nokogiri
ยอดเขาโนะโกะงิริ

ภูเขาลูกสำคัญ ที่ในสมัยเอโดะเคยเป็นที่ตั้งของเหมืองตัดหิน ทรัพยากรอันจำเป็น สำหรับสิ่งก่อสร้างทางทหาร อย่าง กำแพง และฐานปราสาทญี่ปุ่นจำนวนมาก ในปัจจุบันกลายเป็นจุดชมวิวแบบ 360 องศา และ สถานที่ดูพระอาทิตย์ตกดิน ที่สวยงามมากที่สุดในชิบะ ทั้งยังคงสามารถมองเห็นร่องรอยการทำเหมืองในอดีตได้อีกด้วย การเดินทางขึ้นมาบนยอดเขาทำได้หลายวิธีครับ ทั้งเดินเท้า และขับรถ แต่ที่วาฬแนะนำที่สุดคือ การใช้โรปเวย์ เพราะนอกจากจะสะดวกแล้ว ยังได้เห็นวิวสวย ๆ ระหว่างทางได้อย่างเต็มตาอีกด้วย

พิกัด: https://goo.gl/maps/RJdH7epDvDHt9LNn6
การเดินทาง: จากสถานี Chiba นั่งรถไฟ JR สาย Uchibo มาลงที่สถานี Hama-Kanaya แล้วเดินต่อประมาณ 8 นาที มายังที่ขึ้น Ropeway
เวลาเปิดปิดของ Ropeway: 8.00 – 17.00 น. 
ค่าขึ้น Ropeway: 500 เยนต่อเที่ยว
เว็บไซต์: http://www.mt-nokogiri.co.jp/pc/pdf/19brochure_th.pdf

บริเวณนี้เรียกว่า จุดชมวิวจิโกคุโนโซคิ เราสามารถสังเกตเห็นร่องรอยการทำเหมืองหินในบริเวณนี้ได้ด้วย
จากหน้าผาที่ตัดเป็นมุมฉากแบบในภาพนั่นเองครับ

18. Nihonji
วัดนิฮงจิ

นอกจากจุดชมวิวแล้ว บนยอดเขาโนะโกะงิริ (Nokogiri) ยังเป็นที่ตั้งของ วัดนิฮงจิ วัดในพระพุทธศาสนา นิกาย โซโต เซน (Soto Zen) ซึ่งมีไฮไลท์อยู่ที่ พระพุทธรูปไดบุตสึหินแกะสลัก ที่ขึ้นชื่อว่า มีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ในประเทศญี่ปุ่น ด้วยความสูงถึง 31.05 เมตร อีกทั้งยังเป็นไดบุตสึของ “ยะคุชิ เนียวไร” (Yakushi Nyorai) หรือ พระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ตามศรัทธาแห่งฝ่ายมหายาน ผู้เป็นดั่งบรมครูแห่งการรักษาโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายอีกด้วย ดังนั้นนอกจากนักท่องเที่ยวจะขึ้นมาชมความอันซีนขององค์ไดบุตสึแล้ว ก็ยังนิยมมาสักการะขอพรให้หายจากอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ โดยเราจะเห็นบาตรใส่ยาที่พระหัตถ์ข้างหนึ่ง เป็นเครื่องบ่งบอกถึงความเชื่อของผู้คนต่อเรื่องดังกล่าวนั่นเองครับ

ไม่ใช่เพียงไดบุตสึเท่านั้นที่อันซีน วัดนิฮงจิ ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอื่น ๆ อีกมากมาย รอให้เราไปสัมผัส ทั้งศาลเจ้าอาซามะ, เจ้าแม่กวนอิม “เฮียคุชะคุคันนง” (Hyaku Shaku Kannon) ที่เป็นภาพสลักนูนต่ำขนาดใหญ่ บนหน้าผา โดยมีความสูงกว่า 30 เมตร ตลอดจน รูปปั้นพระอรหันต์จำนวนมากถึง 1,500 องค์ 

พิกัด: https://goo.gl/maps/BzJsDLYAwjm7YcJs6
การเดินทาง: จากสถานี Chiba นั่งรถไฟ JR สาย Uchibo มาลงที่สถานี Hama-Kanaya แล้วเดินต่อประมาณ 8 นาที มายังที่ขึ้น Ropeway แล้วเดินต่อไปยังบริเวณวัดอีกประมาณ 20 นาที
เว็บไซต์: http://www.mt-nokogiri.co.jp/pc/pdf/19brochure_th.pdf

เจ้าแม่กวนอิม “เฮียคุชะคุคันนง” (Hyaku Shaku Kannon)
ไดบุตสึ “ยะคุชิ เนียวไร” (Yakushi Nyorai)

Kameiwa Cave (Nomizo Falls)
อุโมงค์คะเมะอิวะ (น้ำตกโนมิโสะ)

19. Kameiwa Cave (Nomizo Falls)
อุโมงค์คะเมะอิวะ (น้ำตกโนมิโสะ)

อุโมงค์คะเมะอิวะ เป็นช่องทางชลประทานที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อผันน้ำมายังพื้นที่เกษตรกรรมในแถบนี้ เมื่อนานมาแล้ว ดังนั้นทางน้ำที่เห็นอยู่นี้ จึงไม่ได้เป็นน้ำตกตามธรรมชาติ ในปัจจุบัน เราอาจเรียกบริเวณนี้ได้หลายแบบ เช่น อุโมงค์คะเมะอิวะ หรือ น้ำตกโนมิโสะ ก็ได้เหมือนกันครับ โดยความพิเศษของสถานที่แห่งนี้ก็คือ หากมาให้ตรงเวลาพอดี จะได้เห็นแสงอาทิตย์ยามเช้าลอดผ่านอุโมงค์มาสะท้อนกับผิวน้ำเป็นรูปหัวใจได้อย่างน่าอัศจรรย์ 

แต่พอวาฬได้ไปอ่านเงื่อนไขมาแล้ว ก็พบว่าค่อนข้างยากมาก เพราะต้องให้ตรงกับบางเดือนเท่านั้นด้วย ถึงจะได้รูปหัวใจที่สมบูรณ์แบบ ดังนั้นถึงไม่ได้เห็นก็ไม่ต้องเสียใจไปครับ โอกาสมันน้อยมาก ๆ อยู่แล้ว ที่สำคัญกว่านั้น วาฬว่าน่าจะเป็นรางวัลปลอบใจที่มีความอลังการไม่แพ้กัน นั่นก็คือ ใบไม้เปลี่ยนสีรอบ ๆ อุโมงค์ โดยหากมาในช่วงเดือนพฤศจิกายน จะเห็นช่างภาพมาตั้งกล้องกันเต็มพื้นที่ เพราะเป็นอีกจุดที่สวยงามมาก ๆ ในช่วงเวลานั้น สายอินสตราแกรมทุกคนห้ามพลาดอย่างเด็ดขาดครับผม

พิกัด: https://goo.gl/maps/ZQDXB7gZ2wrPTESz5
การเดินทาง: แนะนำว่าควรเช่ารถขับจะสะดวกที่สุด


20. Kamogawa Sea World
คาโมะงะวะ ซี เวิลด์

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำริมทะเลขนาดใหญ่ ที่รวบรวมเอาทุกสิ่ง ที่เราอยากเห็นมากที่สุดจากอควาเรียม มาไว้ให้ได้ชมกันแบบครบมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น วาฬเพชรฆาต (Orca), วาฬเบลูกา (Beluga), โลมาปากขวด, สิงโตทะเล, วอลรัส, แมวน้ำ, เต่าทะเล, นกเพนกวินหลากชนิด, นกพัฟฟิน (Puffin) และตู้แมงกะพรุนขนาดใหญ่ พร้อมทั้งการแสดงโชว์และให้ข้อมูลเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทางทะเล ที่มีตารางแน่นตลอดทั้งวัน เหมาะแก่การมาเที่ยวทั้งครอบครัว ทุกเพศทุกวัย ได้ทั้งความตื่นตาตื่นใจ และความรู้แบบเต็มเปี่ยมกลับไปอย่างแน่นอนครับ

สำหรับคนที่เป็นแฟนของสวนสัตว์ และอควาเรียมในญี่ปุ่น คาโมะงะวะ ซี เวิลด์ เป็นอีกหนึ่งแห่ง ที่ควรค่าแก่การตามเก็บมาก ๆ ครับ ด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย ชนิดของสัตว์ที่พิเศษมาก ๆ สวัสดิภาพของสัตว์ที่ดี และ บรรยากาศภายในที่ทั้งสะอาดและสะดวกสบาย รับรองว่าจะไม่ผิดหวังครับผม

พิกัด: https://goo.gl/maps/8DMy5aCsBAA4vQMJ7
การเดินทาง: จากสถานี Tokyo นั่งรถไฟสาย Wakashio Limited Express มาลงที่สถานี Ama-Kamogawa แล้วนั่งรถ Shttle Bus ของพิพิธภัณฑ์มาอีกประมาณ 10 นาที
เวลา: 9.00 – 17.00 น.
ค่าเข้า: 3,000 เยน
เว็บไซต์: http://www.kamogawa-seaworld.jp/english/


21. Matsunoya Ryokan
มะสึโนะยะ เรียวกัง

มาถึงคิวของที่พักกันบ้างครับ วาฬขอแนะนำ มะสึโนะยะ เรียวกัง ที่พักสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ที่เก่าแก่ของจริง ด้วยอายุขัยกว่า 100 ปี ภายในตกแต่งด้วยข้าวของเครื่องใช้สมัยก่อน แต่ยังคงความสะอาด และ สะดวกสบายได้มาตรฐานของโรงแรมในญี่ปุ่นทั่วไป ทีเด็ดคือ ชุดอาหารค่ำ และ อาหารเช้าที่ทำจากวัตถุดิบท้องถิ่น รสชาติดีมาก ๆ ครับ ส่วนห้องพักก็จะเป็นสไตล์ญี่ปุ่นเช่นกัน ด้วยที่นอนฟูก ปูลงบนเสื่อทาทามิที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ตามธรรมชาติ บางห้องมีห้องอาบน้ำในตัวพร้อมเลย แต่หากได้ห้องที่ไม่มี ก็สามารถมาจองใช้ห้องอาบน้ำได้ครับผม ยังไงก่อนกดจองที่พักหากอยากได้แบบมีห้องน้ำในตัว ต้องเช็ครายละเอียดดูดี ๆ ก่อนด้วยนะ

ป.ล. โรงแรมน่ารักและเล็กมาก ๆ มีเพียง 11 ห้องเท่านั้น ดังนั้น ใครอยากไปตามรอยควรจองล่วงหน้าเผื่อเยอะ ๆ หน่อยนะครับ จะได้ไม่ผิดหวังเมื่อตอนใกล้เวลาเดินทางจริง ๆ

พิกัด: https://goo.gl/maps/RTaEuVn4xUSVYtXu6
การเดินทาง: แนะนำว่าควรเช่ารถขับจะสะดวกที่สุด หรือหากนั่งรถไฟให้มาลงที่สถานี Katsuura แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที
เว็บไซต์: http://katsuura-matsunoya.com/(ภาษาญี่ปุ่น)


ที่เที่ยวอื่น ๆ ในชิบะ

>> สวนดอกไฮเดรนเยีย

>> Tokyo Disneyland


แนะนำ

ใครกำลังหาวิธีจองรถในญี่ปุ่น สามารถจองรถได้ที่ลิ้งค์นี้เลยครับ เป็นเว็บจองรถที่มีเวอร์ชั่นภาษาไทยด้วย จองง่ายสุด ๆ วาฬก็ใช้บริการจากเว็บนี้แหละครับ

https://www2.tocoo.jp/th?asp_id=908

Klook.com
Klook.com (function (d, sc, u) { var s = d.createElement(sc), p = d.getElementsByTagName(sc)[0]; s.type = "text/javascript"; s.async = true; s.src = u; p.parentNode.insertBefore(s, p); })( document, "script", "https://affiliate.klook.com/widget/fetch-iframe-init.js" );