
โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree)
ด้วยความสูงถึง 634 เมตร ทำให้ โตเกียวสกายทรี เป็นหอคอยสื่อสารที่สูงที่สุดในโลก และเป็นสิ่งปลูกสร้างที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ทิ้งห่างจาก โตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower) ไปเกือบถึง 2 เท่าตัวเลยทีเดียว สำหรับวิธีการเข้าชมนั้น เริ่มต้นด้วยการซื้อตั๋วบริเวณชั้น 4F จากนั้นขึ้นลิฟท์ ไปยัง Tembo Deck ซึ่งเป็นจุดชมวิวระดับที่ 1 ความสูง 350 เมตร แต่หากต้องการขึ้นไปอีกที่ จุดชมวิวระดับที่ 2 Tembo Galleria ความสูง 450 เมตร ล่ะก็ จะต้องซื้อตั๋วเพิ่มในราคาที่แพงขึ้นนะครับ หากใครมีตั๋วพร้อมอยู่แล้ว ก็สามารถขึ้นลิฟท์ต่อได้เลย

ที่ Tembo Galleria จุดสูงสุด ที่เราขึ้นไปได้ จะมีความสูงอยู่ที่ 451.2 เมตร วิวที่ได้เห็นนั้น คือกว้างไกลมาก เหมือนมองลงมาจากหน้าต่างของเครื่องบิน โดยเฉพาะในวันที่ท้องฟ้าสดใส จะสามารถมองเห็นได้ กระทั่ง ภูเขาไฟฟูจิกันเลย สุดยอดมากจริง ๆ ครับ





สำหรับ The Skytree Shop หรือ ร้านขายของที่ระลึก สินค้าลิขสิทธิ์เฉพาะของโตเกียวสกายทรี จะมีให้บริการอยู่ที่ ชั้น 1F, ชั้น 5F และ ชั้น 345 ส่วนหนึ่งของ Tembo Deck นั่นเอง ซึ่งสินค้าที่วาฬอยากแนะนำ คืออะไรก็ตามที่เป็นลวดลายของ “โซระคะระจัง” (Sorakara-chan) มาสคอตที่มีชื่อเสียงที่สุดของโตเกียวสกายทรี และหาซื้อไม่ได้จากที่อื่น ควรค่าแก่การเก็บสะสมมาก ๆ ครับ

ส่วนใครที่เป็นสายช้อปปิ้ง ก็สามารถเพลิดเพลินต่อได้ที่ “โตเกียว โซะระมะจิ” (Tokyo Solamachi) อยู่บริเวณฐานของ โตเกียวสกายทรี ชั้น 2F – 3F ภายในมีทั้ง ร้านค้า และร้านอาหารมากมาย รอต้อนรับเราอยู่ครับผม







พิกัด: https://g.page/TOKYOSKYTREE-official?share
การเดินทาง: นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Oshiage หรือนั่งสาย tobu skytree มาลงที่สถานี TOKYO SKYTREE
เวลา: 8.00 – 22.00 น.
ค่าเข้า: สามารถเข้าไปดูได้ที่ http://www.tokyo-skytree.jp/th/ticket/
เว็บไซต์: http://www.tokyo-skytree.jp/th/

วัดเซ็นโซจิ (Sensoji), Asakusa อาสะกุสะ

อยู่ห่างจาก โตเกียวสกายทรี ด้วยรถไฟสาย Tobu Skytree เพียง 2 นาที เท่านั้น เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก สำหรับใครที่ยังมีแรงอยากเที่ยวต่อหลังกลับมาจากนิกโก้ วัดเซ็นโซจิ หรือ “วัดอาสะกุสะ” ที่นักท่องเที่ยวเรียกกันติดปากนี้ เป็นแลนมาร์กระดับภาพจำติดตาของทุกคนที่มาเยือนโตเกียว มีความเก่าแก่ และศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก ตามตำนานเล่าว่า ครั้งหนึ่งชาวประมงที่ออกหาปลาในแม่น้ำสุมิดะ (Sumida) ทอดแหได้เทวรูปเจ้าแม่กวนอิมทองคำ จึงนำกลับมาไว้ที่หมู่บ้าน และสร้าง วัดเซ็นโซจิ ขึ้น เพื่อเป็นที่ประดิษฐาน ให้ชาวบ้านได้มาบูชากัน ปรากฏว่า ใครที่มากราบไหว้ขอพร ต่างก็มักจะสมปรารถนา จนเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว



ตำนานเจ้าแม่กวนอิมทองคำ ดึงดูดให้ผู้คนแวะเวียนมาสักการะ วัดเซ็นโซจิ กันอย่างไม่ขาดสาย โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญของพระพุทธศาสนา และวันขึ้นปีใหม่ จะมีผู้คนจำนวนมหาศาล เดินทางมาขอพรกันอย่างคับคั่ง นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเลยทีเดียวครับ
นอกจาก ความน่าสนใจของ ตำนานกับความศักดิ์สิทธิ์แล้ว วัดเซ็นโซจิ ยังมีไฮไลท์อีกมากมาย ทั้ง ความงดงามของสถาปัตยกรรม และความเป็นสีแดงไปทั้งหมด อันโดดเด่นของวัด โดยเฉพาะ โคมแดงยักษ์ ที่ประตู คะมินะริมง (Kaminarimon) ที่ทุกคนต้องมาถ่ายรูปกลับไป ตลอดจน ความคึกคักของ “ถนนนะกะมิเสะ” (Nakamise) ถนนช้อปปิ้ง ที่มีครบทั้ง อาหาร, ของที่ระลึก, เครื่องราง และขนมนานาชนิดให้เลือกช้อปกันนั่นเอง



พิกัด: https://goo.gl/maps/un8T9oMWrAFBNLAa8
การเดินทาง: นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Asakusa
ที่เที่ยวอื่น ๆ ในโตเกียว
>> https://flyingwhale.me/?s=tokyo
รีวิวการใช้ Nikko Pass