Hiroshima: ทริปแบบ 3 วัน 2 คืน

Loading

Hiroshima, Chugoku Japan 
ฮิโรชิมะ, จูโงะกุ ญี่ปุ่น

ฮิโรชิมะ ( Hiroshima ) ถือเป็นอีกหนึ่งจังหวัดของญี่ปุ่น ที่วาฬประทับใจมากเป็นพิเศษ ทำให้ไม่ว่าจะมาเที่ยวสักกี่ครั้ง ก็ยังคงรู้สึกตื่นเต้น และไม่เคยเบื่อเลยครับ ด้วยชื่อเสียงของสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และมนต์เสน่ห์ด้านอารยธรรมของ ศาลเจ้าอิตสึคุชิมะ และ โทริอิยักษ์ลอยน้ำ ที่โด่งดังในระดับโลก ประกอบกับการเดินทางที่สะดวกสบาย สามารถเที่ยวเองได้อย่างง่ายดาย (ตัวเมืองฮิโรชิมะ จะใช้รถรางแบบคลาสสิค) วาฬจึงอยากมาแนะนำ ให้ได้รู้จักกับฮิโรชิมะกันมากขึ้น เผื่อจะเป็นตัวช่วยในการวางแผนเที่ยวของทุกคนได้นั่นเองครับ

ฮิโรชิมะ เป็นจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดใน ภูมิภาคจูโงะกุ การเดินทางไปนั้น นอกจากจะใช้สายการบินภายในประเทศแล้ว ยังสามารถใช้รถไฟชินคังเซน โดยตั้งต้นจากสถานีรถไฟในตัวเมืองหลักอย่าง โอซาก้า หรือ ฟุกุโอกะ ได้อีกด้วย เนื่องจากเป็นจังหวัดใหญ่ จึงมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจจำนวนมาก แถมยังหลากหลายสไตล์สุด ๆ ในจำนวนนั้น วาฬจึงได้เลือกเฉพาะที่ชอบมากที่จริง ๆ มาจัดเป็นทริปแบบ 3 วัน 2 คืน ให้ทุกคนได้ตามรอยกัน ซึ่งครั้งนี้วาฬกระจายจุด ให้ครอบคลุมไฮไลท์ ที่ไม่ควรพลาดทั่วทั้งฮิโรชิมะเลยครับ

สรุปสถานที่ท่องเที่ยวในแต่ละวัน (รายละเอียดของแต่ละแห่งอยู่ใต้รูปเช่นเคยนะครับ)

วันที่ 1: วัดเซนโคจิ, เกาะกระต่าย (โอคุโนะชิมะ)
วันที่ 2: ย่านเมืองเก่าทาเคฮาระ, ปราสาทฮิโรชิมะ, โดมปรมาณู และสวนสันติภาพ
วันที่ 3: สะพานคินไตเคียว (อิวะคุนิ), เกาะมิยาจิมะ (ศาลเจ้าอิตสึคุชิมะ, โทริอิยักษ์ลอยน้ำ)

การเดินทาง: นั่งชินคันเซนจากสถานี Tokyo ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง หรือจากสถานี Shin Osaka ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง (รายละเอียด Japan Rail Pass)


Senkoji Temple
วัดเซนโคจิ

วาฬขอเริ่มทริป ฮิโรชิมะ กันที่ วัดเซนโคจิ วัดบนเนินเขาขนาดเล็กที่สามารถเดินเท้าขึ้นมาสักการะได้ ถือเป็นหนึ่งในเส้นทางแสวงบุญที่สำคัญของภูมิภาคจูโงะกุเลยทีเดียวครับ โดยเนินเขาแห่งนี้ อยู่ในเขตเมืองโอโนมิจิ (Onomichi) ที่มีเขตชุมชนส่วนหนึ่ง ตั้งอยู่ตามไหล่เขา ทำให้เกิดเป็นทิวทัศน์ที่สวยงาม และมีเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก ส่วน วัดเซนโคจิ นั้น ตั้งอยู่เกือบจะสูงสุดของเนินเขาเซนโคจิเลย ซึ่งนอกจากวิธีเดินเท้าแล้ว เรายังสามารถใช้บริการโรปเวย์ขึ้นมาได้ด้วยครับผม วาฬแนะนำให้ใช้โรปเวย์ตอนขาขึ้น จะได้ประหยัดเวลาและไม่เหนื่อยมาก แล้วค่อยใช้วิธีเดินเท้าตอนขาลง เพื่อเก็บบรรยากาศให้ครบ จะดีที่สุดครับ (ระหว่างทางมีน้องแมว อยู่เยอะแยะด้วยนะครับ ใครชอบแมวห้ามพลาดเลย)

สำหรับ วัดเซนโคจิ นั้น เป็นวัดพุทธฯ ที่มีความเก่าแก่ และเชื่อกันว่าศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาอีกด้วย ด้านความสวยงาม ก็มีไฮไลท์อยู่ที่ วิหารแดง ซึ่งเป็นอาคารหลักของวัด และจุดชุมวิวในมุมต่าง ๆ ที่เห็นทัศนียภาพของเมืองโอโนมิจิ ได้อย่างสวยงามแตกต่างกันไปนั่นเองครับ

พิกัด: https://goo.gl/maps/8WYCWJJoxLC2
การเดินทาง: ลงสถานี JR Onomichi แล้วเดินต่อประมาณ 15 นาทีเพื่อไปยังจุดขึ้นสถานีโรปเวย์ หรือจะเดินเท้าต่อไปยังจุดชมวิวด้านบนสุดก็ได้ 
เวลา: 9.00 – 17.15
ราคา: ค่าขึ้นโรปเวย์ไปกลับ 500 เยน
เว็บไซต์: http://www.city.onomichi.hiroshima.jp/site/onomichicity/


Okunoshima (Rabbit Island)
โอคุโนะชิมะ (เกาะกระต่าย)

เอาใจคนรักสัตว์กันบ้างครับ เพราะวาฬกำลังจะพาไปต่อกันที่ โอคุโนะชิมะ หรือ เกาะกระต่าย อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ค่อย ๆ ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะ หลังจากที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในโลกโซเชี่ยลและสื่อต่างประเทศเป็นจำนวนมาก การเดินทางก็แสนจะสะดวกสบายครับ เริ่มต้นจาก สถานีรถไฟ ทาดะโนะอุมิ (Tadanoumi Station) เดินเท้าต่อไปที่ท่าเรือเฟอร์รี่ และใช้เวลาข้ามฟากอีกแค่เพียง 15 นาที ก็ถึงเกาะโอคุโนะชิมะแล้วครับผม

เมื่อมาถึงแล้ว วาฬเชื่อว่าทุกคนจะรู้สึกแบบเดียวกับวาฬ คือไม่ผิดหวังเลย และคุ้มค่าที่เดินทางมา เพราะน้องกระต่าย มีจำนวนที่เยอะมาก ๆ เราจะได้เห็นกันตั้งแต่บริเวณท่าเรือเลยครับ และนับจากจุดลงเรือ ไม่ว่าจะเดินไปตรงไหนของเกาะ เราก็จะได้พบกับน้องกระต่ายในทุกจุดจริง ๆ สมกับที่เป็นเกาะกระต่ายมาก ๆ ส่วนใครที่อยากสัมผัสกับน้องกระต่ายแบบใกล้ชิดมากขึ้น วาฬแนะนำให้ซื้ออาหารเม็ด จากท่าเรือฝั่งขาขึ้นติดมือมาด้วย กองทัพน้องกระต่ายทั้งมวล จะพร้อมใจกันเข้ามารุมล้อมขออาหารจากเรา ด้วยท่าทางที่น่ารักมาก ๆ นั่นเองครับ

ป.ล. สำหรับสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ บนเกาะ ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารเก่า ของหน่วยวิจัย เกี่ยวกับอาวุธชีวภาพ สำหรับกองทัพญี่ปุ่น ที่ถูกยุบเลิกไปทั้งหมดแล้ว ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้ถูกทิ้งร้างมาจนถึงปัจจุบันนั่นเอง ใครที่สนใจข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ก็สามารถเข้าไปศึกษาเพิ่มเติม ที่พิพิธภัณฑ์ภายในเกาะได้เลยครับผม โดยแต่ละสถานที่นั้นสามารถเดินเท้าเชื่อมถึงกันได้ครับ (หรือจะเช่าจักรยานก็มีให้บริการครับ)

พิกัด: https://goo.gl/maps/z4JEfWzbUKH2
การเดินทาง:
1. จากสถานี JR Shin Osaka นั่งรถไฟชินคันเซนมาลงที่สถานี Mihara ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง แล้วเปลี่ยนเป็น JR สาย Kure มาลงสถานี Tadano – Umi เดินต่อไปที่ท่าเรือซื้อตั๋วประมาณ 5 นาที
2.จากสถานี JR Hirsoshima นั่งรถไฟชินคันเซนมาลงที่สถานี Mihara ประมาณ 20 นาทีแล้วเปลี่ยนเป็น JR สาย Kure มาลงสถานี Tadano – Umi เดินต่อไปที่ท่าเรือซื้อตั๋วประมาณ 5 นาที
ค่าเรือข้ามเกาะ: 310 เยน
เว็บไซต์: http://rabbit-island.info/en/


Holiday Village Okunoshima
โรงแรม ฮอลิเดย์ วิลเลจ โอคุโนะชิมะ

หากเที่ยวตามลำดับของวาฬ เราก็จะมาถึงเกาะโอคุโนะชิมะ ในช่วงบ่าย – เย็นแล้วครับ ดังนั้น เพื่อให้สามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศ และอยู่เล่นกับน้องกระต่ายได้อย่างเต็มที่ที่สุด วาฬจึงขอแนะนำให้ค้างคืนที่ โรงแรม ฮอลิเดย์ วิลเลจ โอคุโนะชิมะ กันเลยครับ โดยโรงแรมนี้ แม้จะเป็นที่พักเพียงแห่งเดียวบนเกาะ แต่ก็มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบถ้วนตามมาตรฐานโรงแรมญี่ปุ่นทั่วไป อาจจะติดนิดหน่อย ตรงห้องพัก ที่จะมีห้องน้ำในตัวนั้น มีจำนวนไม่มากนัก ทำให้อาจจะต้องจองเร็วสักนิดหนึ่งครับ แต่ทั้งนี้ ห้องพักแบบอื่น ๆ ทั้งหมด ก็ยังสามารถใช้ที่อาบน้ำรวมจากบ่อออนเซ็นของทางโรงแรมได้ครับ 

ภายในโรงแรม มีห้องอาหาร, คาเฟ่เล็ก ๆ และร้านขายของที่ระลึกเปิดให้บริการด้วย แถมข้อดีอีกอย่าง ก็คือ แถวบริเวณหน้าโรงแรมนั้น ถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่มีน้องกระต่ายเยอะมาก ๆ ด้วย ยังไงคนที่ชอบน้องกระต่ายเป็นพิเศษ ก็น่าจะไปลองพักกันดูนะครับ


Takehara
ย่านเมืองเก่าทาเคฮาระ

ย่านทาเคฮาระ เป็นเขตชุมชน ที่มีการอยู่อาศัยกันจริง ๆ มาตั้งแต่ดั้งเดิม โดยได้รับการขนานนามว่า เป็น “ลิตเติ้ล เกียวโต” (Little Kyoto) เพราะบ้านเรือนสไตล์ญี่ปุ่นโบราณของที่นี่นั้น ยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี เหมือนกับ ย่านเมืองเก่าที่เกียวโต ภายในยังมี วัดไซโฮจิ (Saihoji) ที่มีอายุเก่าแก่ และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้คนในทาเคฮาระ ตั้งอยู่อีกด้วยครับ ซึ่งนักท่องเที่ยวก็จะนิยมเข้าไปไหว้พระ, ขอพร และชมวิวเมืองในมุมสูง จากที่ตั้งของวัดนั่นเอง

ของฝากขึ้นชื่อ ของย่านทาเคฮาระ ได้แก่ เหล่าสินค้าที่ทำจากไม้ไผ่ ซึ่งสามารถพบได้ตามร้านค้า ตลอดสองข้างทางเลยครับ และเพื่อเติมเต็มความรู้สึกของการช้อปแบบย้อนยุคให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น วาฬแนะนำให้ลองเช่าชุดกิโมโนแบบดั้งเดิมแท้ ๆ มาใส่เดินเล่น เสพบรรยากาศ และถ่ายรูปสวย ๆ ก็จะเป็นอะไรที่ดีงามมาก ๆ ครับ

พิกัด: https://goo.gl/maps/5sYTCd7Hg162
การเดินทาง: ลงสถานี JR Takehara เดินต่อไปอีกประมาณ 15 นาที
เว็บไซต์: http://www.city.takehara.lg.jp/bunkasyougai/manabi/bunkazai/matusakatei.html


Okonomimura
แหล่งรวมร้าน “โอโคโนมิยากิ”

โอโคโนมิยากิ (Okonomiyaki) หรือ ที่คนไทยนิยมเรียกกันว่า “พิซซ่าญี่ปุ่น” นั้น ถือเป็นอาหารยอดนิยมประจำเมืองฮิโรชิมะเลยครับ โดยสูตรต้นตำหรับของที่นี่ จะใส่เส้นโซบะ หรืออุด้ง เข้าไปด้วย อร่อยมาก ๆ ครับ โดยสถานที่ ที่ดีที่สุดในการตามหาร้านโอโคโนมิยากิในฮิโรชิมะ ก็คือ “Okonomimura” แห่งนี้นั่นเอง ภายในเป็นอาคารที่รวมร้านโอโคโนมิยากิเจ้าอร่อยไว้กว่า 20 ร้าน ให้เลือกกินกันอย่างจุใจ ใครมาเที่ยวฮิโรชิมะทั้งที แล้วไม่ได้ชิมโอโคโนมิยากินี่ เหมือนกับยังมาไม่ถึงเลยนะ ห้ามพลาดเด็ดขาดเลยครับผม

พิกัด: https://goo.gl/maps/g4rfA74nUdy
การเดินทาง: จาก JR Hiroshima เปลี่ยนมาใข้รถรางจากสถานี Hiroshimaeki ลงสถานี Hatchobori แล้วเดินต่ออีก 5 นาที
เว็บไซต์: http://www.okonomimura.jp/foreign/english.html


Hiroshima Castle
ปราสาทฮิโรชิมะ

ปราสาทฮิโรชิมะ ในปัจจุบันนั้น เป็นปราสาทที่ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ หลังจากถูกทำลายลงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยการใช้คอนกรีตเสริมเหล็กเป็นโครงสร้างหลัก มีจุดเด่นอยู่ที่ การบุแผ่นไม้เอาไว้ตรงกำแพงด้านนอก แทนการทาสี ซึ่งแตกต่างจากปราสาทส่วนใหญ่ในญี่ปุ่น และทำให้มีลวดลายสวยงามมากเป็นพิเศษ ภายในมี 5 ชั้น เป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อจัดแสดงข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของปราสาทฮิโรชิมะ และตระกูลโมริ ผู้สร้างปราสาท ส่วนชั้นบนสุดนั้น ยังเป็นจุดชมวิวเมืองฮิโรชิมะอีกด้วยครับผม

พิกัด: https://goo.gl/maps/b412jSG4XnT2
การเดินทาง: จาก JR Hiroshima เปลี่ยนมาใช้รถรางจากสถานี Hiroshimaeki ไปลงสถานี Kamiyacho-nishi และเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที
เวลา: 9.00 -18.00
เว็บไซต์: https://www.hiroshima-navi.or.jp/th/


Atomic Bomb Dome
โดมปรมาณู

อาคารทรงตะวันตกหลังนี้ ถูกใช้เป็นที่ทำการของหน่วยงานรัฐบาลในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จนได้รับความเสียหายอย่างหนักจากระเบิดปรมาณู ซึ่งต่อมา ซากอาคารที่เหลืออยู่ ได้รับการเก็บรักษาให้คงสภาพไว้ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกในเวลาต่อมา โดยที่เรียกกันว่า “โดมปรมาณู” ก็เพราะด้านบนมีโครงเหล็กที่รูปร่างนั้น คล้ายกับโดม ประดับอยู่นั่นเองครับ

อย่างที่ทุกคนทราบกันดี ถึงเรื่องราวของโศกนาฏกรรม จากภัยพิบัติของระเบิดปรมาณู ที่เมืองฮิโรชิมะ ต้องเผชิญ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 “โดมปรมาณู” หลังนี้ จึงเป็นเสมือนอนุสรณ์เตือนใจมนุษย์ถึงความน่ากลัวของอาวุธนิวเคลียร์ และยังเป็นตัวแทนแห่งการเรียกร้องให้เกิดสันติภาพที่ยั่งยืนต่อไปนั่นเองครับ

พิกัด: https://goo.gl/maps/ZLnVje1qpqt
การเดินทาง: จาก JR Hiroshima เปลี่ยนมาใช้รถรางจากสถานี Hiroshimaeki ไปลงสถานี Kamiyacho-nishi และเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที
เว็บไซต์: https://www.hiroshima-navi.or.jp/th/


Orizuru Tower
อาคารโอะริซึรุ

อาคารแห่งนี้เป็นที่ตั้งของ จุดชมวิว โดมปรมาณู (Atomic Bomb Dome) แห่งใหม่ ที่วาฬอยากแนะนำทุกคนมาก ๆ ครับ แม้จะมีราคาเข้าชมสูงสักหน่อย (1,700 เยน) แต่วาฬว่า คุ้มค่ามาก ๆ โดยเฉพาะสำหรับคนชอบถ่ายรูป นอกจากนี้ ภายในยังมีมุมกิจกรรมพับนกกระเรียนกระดาษ สัญลักษณ์แห่งการอยู่ร่วมกันโดยสันติของเมืองฮิโรชิมะ โดยเมื่อเราพับเสร็จแล้ว ให้นำไปหย่อนใส่ฝาผนังนกกระเรียนกระดาษที่อาคารโอะริซึรุจัดไว้ เพื่อร่วมกันส่งต่อแรงปรารถนาในการสร้างสันติภาพร่วมกันในโลกใบนี้ และยังเป็นความทรงจำครั้งหนึ่ง ที่เราได้มารำลึกถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากสงครามกันณ เมืองฮิโรชิมะแห่งนี้ อีกด้วยครับผม

พิกัด: https://goo.gl/maps/L4Z7HHaiiKJ2
การเดินทาง: จาก JR Hiroshima เปลี่ยนมาใช้รถรางจากสถานี Hiroshimaeki ไปลงสถานี Kamiyacho-nishi และเดินต่ออีกประมาณ 3 นาที
เวลา: 10.00 – 19.00
ค่าเข้า: 1,700 เยน
เว็บไซต์: http://www.orizurutower.jp/th/


Peace Memorial Park
สวนสันติภาพ

ไม่ไกลจาก โดมปรมาณู เราจะพบกับ สวนสันติภาพ ที่สร้างขึ้น ณ จุดศูนย์กลางของระเบิดปรมาณู เพื่อรำลึกถึง เหตุการณ์ที่เมืองฮิโรชิมะ ถูกทำลายลงอย่างราบคาบ ด้วยแสนยานุภาพของอาวุธนิวเคลียร์ ในช่วงปลายของสงครามโลกครั้งที่ 2 ตลอดจน บรรดาเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจากโศกนาฏกรรมในครั้งนั้นด้วยครับ

ในพื้นที่อันกว้างขวางของ สวนสันติภาพ ยังประกอบไปด้วย อนุสรณ์และสถานที่สำคัญอีกเป็นจำนวนมาก ที่ต่างก็ มีเป้าหมายเพื่อรำลึกถึงความรุนแรงของเหตุการณ์ในครั้งนั้น จากหลากหลายแง่มุม เช่น Cenotaph for the A-Bomb Victims อนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิต, Children’s Peace Monument อนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่เด็ก ๆ ที่เสียชีวิต และ Peace Bell ระฆังสันติภาพ ที่ให้ผู้มาเยือน ตีระฆัง เพื่อแสดงจุดยืนว่าต้องการสันติภาพอย่างแท้จริง เป็นต้น

พิกัด: https://goo.gl/maps/LmrtPzxdyZG2
การเดินทาง: จาก JR Hiroshima เปลี่ยนมาใช้รถรางจากสถานี Hiroshimaeki ไปลงสถานี Kamiyacho-nishi และเดินต่ออีกประมาณ 15 นาที
เว็บไซต์: https://www.hiroshima-navi.or.jp/th/post/008078.html


Kintaikyo
สะพานคินไตเคียว

เริ่มต้นวันที่ 3 กันที่ สะพานคินไตเคียว อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวระดับ 5 ดาว (โดยเฉพาะช่วงที่ซากุระบาน) ที่แม้จะไม่ได้อยู่ในเขตจังหวัดฮิโรชิมะ แต่ก็สามารถเดินทางไป-กลับได้อย่างสะดวก และไม่ไกลจากกันเลยครับ สะพานแห่งนี้ เป็นสะพานไม้โบราณ ที่สวยติดอันดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่ เมืองอิวะคุนิ (Iwakuni) ในจังหวัดยะมะงุจิ (Yamaguchi) ความโค้งของสะพานที่เห็น แบ่งออกเป็น 5 ช่วง ส่วนการก่อสร้างนั้น จะใช้เทคนิคพิเศษ อย่างการประกอบไม้ ขัดประสานกัน เพื่อให้เกิดความแข็งแรงได้อย่างน่าทึ่ง โดยใครที่อยากเห็นความสวยงามของเทคนิคนี้ ก็สามารถเดินชมได้จากมุมใต้สะพานเลยครับ

ในฤดูใบไม้ผลิ ตอนที่ซากุระกำลังบาน ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด ในการมาเที่ยวชมสะพานเลยนะครับ ดังนั้น ใครที่มีแพลนจะมาเที่ยวฮิโรชิมะ หรือ ยะมะงุจิ ในช่วงนี้ ลองเช็คพยากรณ์ซากุระดี ๆ หากตรงกับช่วงที่ฟูล บลูม พอดี วาฬแนะนำให้มามาก ๆ เลยครับ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน

พิกัด: https://goo.gl/maps/ce8AQudTNEM2
การเดินทาง: จาก JR สถานี Hiroshnima นั่งมาลงที่สถานี Iwakuni แล้วต่อรถบัสลงที่ป้าย Kintaikyo ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
ค่าข้ามสะพาน: 300 เยน
เว็บไซต์: http://kintaikyo.iwakuni-city.net/en/


Miyajima
เกาะมิยะจิมะ

เกาะมิยะจิมะ เป็นเกาะศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาชินโต ที่มีความสำคัญเชิงพิธีกรรมเป็นอย่างมากในอดีต ปัจจุบันมีพื้นที่ส่วนหนึ่ง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก และยังเป็นที่ตั้งของแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังที่ห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยวฮิโรชิมะ ไม่ว่าจะเป็น ศาลเจ้าอิตสึคุชิมะ (Itsukushima Shrine), โทริอิยักษ์ (Otorii) หรือพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมิยะจิมะ (Miyajima Public Aquarium) อีกด้วยนั่นเองครับ (รายละเอียดของแต่ละสถานที่อยู่ใต้รูปต่อ ๆ ไปเลยนะครับ)

ภายในเกาะมิยะจิมะ จะมีสัตว์พื้นถิ่น อย่างน้องกวาง จำนวนมาก เดินเล่นกันอย่างอิสระ ปะปนไปกับนักท่องเที่ยวด้วย โดยเราสามารถหาซื้อขนมเซ็มเบมาเลี้ยงน้อง ๆ ได้ครับ ส่วนอาหารการกินของคนนั้น วาฬขอแนะนำเป็น วัตถุดิบขึ้นชื่อ อย่างหอยนางรม ที่ไม่ว่าจะนำมาทำเป็นเมนูอะไรก็อร่อยทั้งนั้น โดยร้านอาหารที่ขายหอยนางรมนั้น สามารถพบเห็นได้ทั่วไป ตลอดเส้นถนนคนเดินเลยครับ

พิกัด: https://goo.gl/maps/UnsaUKaMdCG2
การเดินทาง: จาก JR สถานี Hiroshnima นั่งมาลงที่สถานี Miyajimaguchi แล้วเดินไปที่ท่าเรือประมาณ 3 นาที
ค่าเรือข้ามไปที่เกาะ: 180 เยนต่อเที่ยว
เว็บไซต์: https://www.okayama-japan.jp/th/spot/1139


Itsukushima Shrine (Miyajima)
ศาลเจ้าอิตสึคุชิมะ (เกาะมิยะจิมะ)

ศาลเจ้าอิตสึคุชิมะ ถือเป็นอีกหนึ่งปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ที่สามารถดึงดูดผู้คนให้มาเยือนฮิโรชิมะ ได้จากทั่วทุกมุมโลก ตัวศาลเจ้านั้น มีเอกลักษณ์คือ ถูกสร้างขึ้นด้วยการปักเสายกพื้นสูง ในบริเวณอ่าวเล็ก ๆ บนชายหาดที่น้ำท่วมถึง ดังนั้น ช่วงเวลาที่น้ำขึ้นสูงสุด จึงทำให้ มองดูราวกับว่า ศาลเจ้าอิตสึคุชิมะ กำลังลอยอยู่บนทะเล ซึ่งเป็นภาพที่สวยงามมาก ๆ เลยครับ

ในด้านความสำคัญ ศาลเจ้าอิตสึคุชิมะนั้น เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ของศาสนาชินโต ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก และรัฐบาลญี่ปุ่นยังได้ยกฐานะอาคารต่าง ๆ ในศาลเจ้าให้เป็นสมบัติประจำชาติญี่ปุ่น (National Treasure) อีกด้วยครับผม

พิกัด: https://goo.gl/maps/tEMh8J57grt
การเดินทาง: จากท่าเรือเกาะ Miyajima เดินไปประมาณ 15 นาที 
เวลา: 6.30 – 17.30
ค่าเข้า: 300 เยน
เว็บไซต์: http://www.en.itsukushimajinja.jp/index.html


Miyajima Public Aquarium (Miyajima)
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมิยะจิมะ (เกาะมิยะจิมะ)

เป็นอควาเรียมขนาดกลาง ที่เน้นจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ ซึ่งมีถิ่นอาศัยอยู่รอบ ๆ เกาะมิยะจิมะ และทะเลเซโตะ เป็นหลัก โดยมีไฮไลท์ ได้แก่ หอยนางรม สัตว์เศรษฐกิจ และวัตถุดิบขึ้นชื่อของมิยะจิมะ ที่จัดแสดงในลักษณะการทำฟาร์มเลี้ยง และ โลมาหัวบาตรหลังเรียบ (Finless Porpoise) ซึ่งเป็นโลมาขนาดเล็ก ที่หาชมได้ยากจากที่อื่น วาฬว่า พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมิยะจิมะ เป็นอีกหนึ่งแห่งในเกาะมิยะจิมะ ที่มีเสน่ห์ น่ารัก และเหมาะแก่การมาเที่ยวชมกันทั้งครอบครัวมาก ๆ ครับ 

พิกัด: https://goo.gl/maps/e1ZVUaKSJQM2
การเดินทาง: จากท่าเรือเกาะ Miyajima เดินไปประมาณ 20 นาที 
เวลา: 9.00 – 17.00
ค่าเข้า: 1,400 เยน
เว็บไซต์: https://www.miyajima-aqua.jp/english/


Otorii (Miyajima)
โทริอิยักษ์ (เกาะมิยะจิมะ)

ภาพโทริอิยักษ์ลอยน้ำแห่งเกาะมิยะจิมะ กลายเป็นโลโก้สำหรับโปรโมทการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ที่โด่งดังในระดับโลกไปแล้ว ด้วยส่วนผสมระหว่าง ความงดงามของ ความเชื่อ, ธรรมชาติ, สถาปัตยกรรม และวิถีชีวิตของผู้คน ซึ่งสะท้อนออกมาเป็นความยิ่งใหญ่ของแลนมาร์กแห่งนี้ได้อย่างลงตัว ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น ที่ทุกคนต้องห้ามพลาดอย่างเด็ดขาดเลยครับ

โอโทริอิ คือ ประตูทางเข้า (หรือ โทริอิ) ของศาลเจ้าในศาสนาชินโต ที่มีขนาดใหญ่กว่าโทริอิทั่วไป โดย โอโทริอิ ต้นนี้ ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก ศาลเจ้าอิตสึคุชิมะ (Itsukushima) มีความพิเศษคือ ในช่วงที่น้ำขึ้น เราจะเห็นเหมือน โอโทริอิ กำลังลอยน้ำอยู่ ซึ่งเป็นภาพที่สวยงามมาก ๆ และในช่วงน้ำลง นักท่องเที่ยวก็ยังสามารถเดินไปสัมผัสกับตัวเสาเพื่อขอพร และถ่ายภาพโอโทริอิ ได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วยครับ

ช่วงเวลาที่เหมาะสม: สำหรับการถ่ายภาพ ควรเป็นช่วงเย็น ๆ ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งเวลาที่แน่นอนจะไม่ตรงกันในแต่ละฤดูกาลนะครับ ส่วนเวลาน้ำขึ้น-น้ำลง สามารถเช็คได้ตามเว็บไซต์นี้เลยฮะ http://www.miyajima.or.jp/sio/sio03.html

พิกัด: https://goo.gl/maps/Wtjnpt9giyT2
การเดินทาง: จากท่าเรือเกาะ Miyajima เดินไปประมาณ 10 นาที 
เว็บไซต์: http://www.en.itsukushimajinja.jp/index.html



Klook.com