Shimane: พาเที่ยวจังหวัดชิมะเนะ ตอนที่ 1

Loading

Shimane, Chugoku Japan (Part1)
ชิมะเนะ, จูโงะกุ ญี่ปุ่น (ตอนที่1)

รีวิวนี้ วาฬจะพาทุกคนไปเที่ยวแบบเจาะลึก กันที่จังหวัดชิมะเนะ (Shimane) อีกหนึ่งจังหวัดของภูมิภาคจูโงะกุ ซึ่งน่าจะเป็นอะไรที่ใหม่มาก ๆ สำหรับใครหลาย ๆ คน อาจจะด้วย การเดินทางไปชิมะเนะ จากเมืองท่องเที่ยวหลักนั้น ค่อนข้างจะไกลและใช้เวลาพอสมควร แต่วาฬรับรองได้ว่า ไปถึงแล้วต้อง ว้าว !! มีประสบการณ์และบรรยากาศใหม่ ๆ อันน่าค้นหา รอทุกคนอยู่อย่างมากมายเลยครับผม

จังหวัดชิมะเนะ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของ ภูมิภาคจูโงะกุ ติดกับทะเลญี่ปุ่น ถือเป็นดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของศาสนาชินโต มีศาลเจ้าชื่อดังที่ผู้คนนิยมมาขอพรเรื่องความรัก เป็นที่ตั้งของปราสาทมะสึเอะ (Matsue) หนึ่งในปราสาทดั้งเดิมเพียงไม่กี่แห่งในญี่ปุ่น ที่รอดพ้นจากการถูกทำลาย และ เหมืองแร่เงินอิวามิ (Iwami Ginzan) ที่มีความสำคัญอย่างมากในทางประวัติศาสตร์ จนได้รับเลือกให้เป็น มรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) อีกทั้ง ยังเป็นจังหวัดที่มีแหล่งออนเซ็นระดับสุดยอด ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในแวดวงสุขภาพของญี่ปุ่น เรื่องคุณสมบัติของแร่ธาตุในน้ำ ว่าเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และผิวพรรณ อีกด้วย

สำหรับ การเที่ยวชิมะเนะ ในครั้งนี้นั้น วาฬใช้แค่เวลา 3 วัน 2 คืน ก็เพียงพอที่จะเก็บสถานที่หลัก ๆ ได้ครบแล้วครับ สำหรับโพสต์นี้ วาฬจะขอเริ่มต้นจาก วันที่ 1 ก่อนนะครับ โดยเราจะเที่ยวกันในเมืองอิซุโมะ (Izumo) และ เมืองโอดะ (Oda) ส่วนการเดินทางจะใช้รถไฟเป็นหลัก แต่หากใครสะดวกเช่ารถขับ ก็จะยิ่งช่วยประหยัดเวลาได้มากเลยฮะ

ข้อมูล รายละเอียด และรีวิวของสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ก็จะเริ่มไล่เรียงสถานที่ไปตามลำดับที่วาฬเดินทางจริงครับผม ยังไงก็ฝากติดตามกันไปจนถึงตอนที่ 2 ที่กำลังจะตามมาด้วยนะคร้าบบบ

การเดินทางไปยังจังหวัดชิมะเนะ:  
1.จากสถานี Okayama (หากใครมาจาก Osaka ให้นั่งชินคันเซนจาก Shin-Osaka มาลง Okayama ใช้เวลา 50 นาที) จากสถานี Okayama ขึ้นรถไฟสาย Limited Express Yakumo ลงที่สถานี Matsue ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง 40 นาที
2.จาก Hiroshima ใช้รถบัส Hiroshima – Matsue Hight Way Bus โดยสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแสดง Passport ลดราคาจาก 3,900 เยน เหลือ 500 เยน ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง


Izumo Taisha, Shimane Japan
ศาลเจ้าอิซุโมะ, จังหวัดชิมะเนะ ประเทศญี่ปุ่น

เริ่มต้นเอาฤกษ์เอาชัยกันด้วย การเสริมสิริมงคลให้กับตัวเองกันที่ “ศาลเจ้าอิซุโมะ” ศาลเจ้าชินโตที่เก่าแก่และมีความสำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น (เก่าจนไม่ปรากฏหลักฐานถึงปีที่สร้าง) ไม่ว่าใครก็ตาม ที่ได้มาเยือนจังหวัดชิมะเนะ ล้วนเป็นต้องหาโอกาส แวะเข้ามาสักการะให้ได้สักครั้งกันทุกราย ศาลเจ้าอิซุโมะ สร้างขึ้นเพื่อบูชา เทพเจ้าโอกุนินุชิ (Okuninushi) ทั้งนี้ ตัวอาคารหลักหลายแห่งของศาลเจ้านั้น ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติประจำชาติญี่ปุ่นอีกด้วยครับ

ศาลเจ้าอิซุโมะนั้น ขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก ตามความเชื่อในศาสนาชินโต กล่าวกันว่า ทุกเดือน 10 (จันทรคติ) เทพเจ้าแทบทุกพระองค์ของประเทศญี่ปุ่น จะมาประชุมกัน ณ ศาลเจ้าแห่งนี้ ดังนั้น หากใครขอพรจากศาลเจ้าอื่น ๆ ในช่วงเดือน 10 ก็จะไม่สัมฤทธิ์ผล จึงจำเป็นต้องหลั่งไหลกันมาขอพรจากศาลเจ้าอิซุโมะ กันอย่างเนืองแน่นในทุก ๆ ปีนั่นเองครับ

ในด้านสถาปัตยกรรม ต้องบอกเลยว่า สวยงาม อลังการ และทรงคุณค่าเป็นอย่างมากครับ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยหลักปฏิบัติในเชิงความเชื่อที่มีลักษณะเฉพาะแตกต่างไปจากศาลเจ้าอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น เสาโทริอิยักษ์สีขาว ซึ่งสำหรับคนที่เคร่งครัดชินโตมาก ๆ ก็จะไม่เดินลอดผ่านตรงกลางของเสา เพราะถือเป็นทางผ่านของเทพเจ้า แต่จะเลี่ยงไปใช้เส้นทางด้านข้างของเสาแทน, วิหารขอพรก่อนถึงวิหารหลัก ที่ต้องปรบมือ 4 ครั้งแทนที่จะเป็น 2 ครั้งแบบทั่ว ๆ ไป, วิหารหลัก (Honden) ที่มีความสูงมากที่สุดในบรรดาวิหารหลักของศาลเจ้าทั้งหมดในญี่ปุ่น (แต่ไม่ได้เปิดให้เข้าไปชมภายในนะครับ), และ วิหารคะงุระ (Kaguraden) ที่เด่นชัดด้วยมัดฟางขนาดใหญ่ (Shimenawa) มีความเชื่อว่า เพื่อให้ขอพรได้สมปรารถนาจริง ๆ จะต้องโยนเหรียญไปติดที่มัดฟางให้ได้ จุดนี้ ยังเป็นมุมถ่ายรูปที่ดีงาม และสื่อถึงศาลเจ้าอิซุโมะ ได้เป็นอย่างดีเลยครับ

ส่วนรูปปั้นกระต่ายที่อยู่ภายในศาลเจ้าอิซุโมะนั้น เป็นการสื่อถึงตำนานความรักระหว่าง เทพเจ้าโอกุนินุชิ และเจ้าหญิงในร่างกระต่ายที่เคยได้รับการช่วยเหลือจากพระองค์ไว้ ดังนั้นในอีกมุมหนึ่ง ศาลเจ้าแห่งนี้จึงเป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่จะมาขอพรเกี่ยวกับเรื่อง ความรัก และความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบตัวด้วยครับผม

ส่วนตัวแล้ววาฬชอบบรรยากาศอันเงียบสงบ แลดูมีมนต์ขลังอย่างแท้จริง ของศาลเจ้าอิซุโมะมาก ๆ ให้อารมณ์ไม่ต่างจากตอนที่ไป ศาลเจ้าอิเสะ (Ise) เลยครับ (ใครที่สนใจรายละเอียดของศาลเจ้าอิเสะ ตามไปอ่านกันได้ตามลิ้งค์นี้เลยฮะ…) ดังนั้นมาถึงชิมะเนะทั้งที ยังไงก็ไม่ควรพลาด ด้วยประการทั้งปวงเลยนะครับ

พิกัด: https://goo.gl/maps/iSMAPYCSesD2

การเดินทาง: จากสถานี JR Izumoshi นั่งรถบัสจากหน้าสถานีมาลงที่หน้าวัดใช้เวลา 25 นาที หรือ ใช้รถไฟ Ichibata ปลายทาง Matsue Shinjiko Onsen ไปลงที่สถานี Kawato แล้วเปลี่ยนขบวนที่ปลายทางไปลง Izumo Taisha Mae ใช้เวลา 22 นาที 

เวลา: 6.00 – 20.00

เว็บไซต์: https://www.kankou-shimane.com/en/?cat=109


Inasa & Bemtenjima
หาดอินะสะ และศาลเจ้าเบ็นเท็นจิมะ

ถัดจากศาลเจ้าอิซุโมะ เราเดินเท้าต่อ ไปทางทิศตะวันตกอีกหน่อย หรือ ใครจะนั่งแท็กซี่ไปก็ได้ครับ ก็จะพบกับ “หาดอินะสะ” ชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น ไฮไลท์ ของที่นี่ คือ โขดหินขนาดใหญ่ ที่มองไกล ๆ เหมือนเป็นเกาะขนาดย่อม ๆ ได้เลยครับ (เดิมก็เคยเป็นเกาะจริง ๆ ครับ แต่เวลาผ่านไปนาน การทับถมของทราย ทำให้เกาะเชื่อมกับหาดไปแล้ว เหลือเพียงโขดหินเฉย ๆ) โดยบริเวณด้านบนนั้น จะมีศาลเจ้าเล็ก ๆ ตั้งอยู่ด้วย ชาวบ้านในอดีตสร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพีในท้องทะเล นอกจากนี้ หาดอินะสะ ยังมีตำนานศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อมโยงกับ ศาลเจ้าอิซุโมะ อีกด้วยนะครับ โดยเชื่อกันว่า จุดนี้คือประตูด่านแรก ที่ต้อนรับเทพเจ้าทั่วทั้งญี่ปุ่น ก่อนจะไปชุมนุมกันที่ ศาลเจ้าอิซุโมะ ในเดือน 10 (จันทรคติ) (ใครสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม เข้าไปตามอ่านได้ในข้อมูลของศาลเจ้า อินะสะ ตามลิ้งค์นี้เลยครับ https://flyingwhale.me/guide-book/japan/izumo-taisha/ ) 

อีกหนึ่งอย่างที่คนนิยมทำกัน คือการตัดทรายจาก หาดอินะสะ ไปไว้ที่ ศาลเจ้าอิซุโมะ แล้วค่อยนำทรายของคนก่อนหน้าเรา กลับไปที่บ้าน เพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายตามความเชื่อได้อีกด้วยครับ

นอกจากความศักดิ์สิทธิ์แล้ว หาดแห่งนี้ยังเป็นจุดชมวิวทะเลญี่ปุ่นที่สวยงามมาก ๆ หรือ หากใครที่มาเที่ยวหน้าร้อน ก็ยังสามารถลงเล่นน้ำทะเลได้ด้วย ถือเป็นจุดพักผ่อนหย่อนใจที่ดีอีกแห่งหนึ่งเลยครับผม

พิกัด: https://goo.gl/maps/izX6upKPGw32

การเดินทาง: จากสถานี JR Izumoshi นั่งรถบัสจากหน้าสถานีปลายทาง Hinomisaki Todai มาลงที่ nasa-no-Hama 稲佐の浜(Inasa Beach)ใช้เวลา 40 นาที หรือนั่งรถบัสไปลงที่หน้าวัด Izxumo Taisha แล้วเดินต่อไปยังหาดอีกประมาณ 15 นาที ประมาณ 900 เมตร หรือ ใช้รถไฟ Ichibata ปลายทาง Matsue Shinjiko Onsen ไปลงที่สถานี Kawato แล้วเปลี่ยนขบวนที่ปลายทางไปลง Izumo Taisha Mae ใช้เวลา 22 นาที แล้วเดินต่อไปยังหาด

เว็บไซต์: http://www.izumo-kankou.gr.jp/english/4762


Shimane Winery, Izumo
โรงกลั่นไวน์ชิมะเนะ, อิซุโมะ

จากหาดอินะสะ วาฬนั่งรถไฟ ย้อนกลับมา 1 สถานี (สถานี Hamayamakoen Kitaguchi) เพื่อกินกลางวันที่ “โรงกลั่นไวน์ชิมะเนะ”ครับ เนื่องจากวาฬมาเที่ยวในช่วงฤดูหนาว ทำให้ไม่มีไร่องุ่นให้ได้ชมกัน แต่ก็ยังสามารถเลือกซื้อไวน์ได้ตามปกตินะครับ (ไร่องุ่นเปิดให้เข้าชมช่วงเดือน เมษายน – มิถุนายน ครับ) ส่วนเมนูแนะนำที่เป็นเป้าหมายหลัก ก็คือ เซ็ตปิ้งย่าง จากวัตถุประจำท้องถิ่นอย่าง “เนื้อชิมะเนะ วากิว” (Shimane Wagyu) รสชาติดี ที่แม้ว่าจะยังไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังมากนัก แต่ทางจังหวัดก็กำลังค่อย ๆ โปรโมทเพิ่มขึ้นแล้ว ยังไงก็ลองมาแวะชิม และเลือกซื้อของฝากประจำเมืองอิซุโมะกันนะครับ

พิกัด: https://goo.gl/maps/wnhnbMaPwGN2

การเดินทาง: จาก JR สถานี Izumoshi เปลี่ยนมานั่งรถไฟ Ichibata Electric Railway จากสถานี Dentetsu-Izumoshi ไปเปลี่ยนชบวนที่สถานี Kawato แล้วไปลงสถานี Hamayamakoen-Kitaguchi แล้วเดินต่ออีก 10 นาที หรือจาก Izumo Taisha นั่งรถแท็กซี่มาประมาณ 5 นาที

เวลา: 10.30 -18.30

เว็บ: https://www.shimane-winery.jp/wp/wp-content/themes/winery/pdf/english-2.pdf


Nima sand Museum
พิพิธภัณฑ์ทรายนิมะ

อิ่มกลางวันแล้ว เรานั่งรถไฟยาว ๆ จากเมืองอิซุโมะ ไปต่อยังเมืองโอดะ (Oda) เพื่อเยี่ยมชม “พิพิธภัณฑ์ทรายนิมะ” กันครับ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ มีขึ้นเพื่อจัดแสดง เรื่องราวเกี่ยวกับ “ทราย” ของจังหวัดชิมะเนะ ที่มีเนื้อละเอียดมากเป็นพิเศษ จนเวลาเดินไปสัมผัสผืนทราย จะมีเสียงดังขึ้นมาอย่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว นอกจากความน่าสนใจของทรายแล้ว ด้านสถาปัตยกรรมของตัวพิพิธภัณฑ์ ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ด้วยรูปทรงพีระมิดที่สวยงาม เหมาะแก่การไปถ่ายรูปเช็คอินเป็นที่สุด ภายในยังมี “นาฬิกาทรายยักษ์” ที่มีระยะเวลานับถอยหลังถึง 1 ปี เป็นไฮไลท์ ที่ควรค่าแก่การไปชมกันให้ได้อีกด้วยครับผม

พิกัด: https://goo.gl/maps/XUFmeFSY46B2

การเดินทาง: จาก JR สถานี Izumoshi นั่งสาย San – In ลงสถานี Nima แล้วเดินต่อไปอักประมาณ 10 นาที

เวลา: 9.00 – 17.00

ค่าเข้า: 700 เยน

เว็บไซต์: http://www.sandmuseum.jp/guide/


Yunotsu Onsen, Oda
ยูโนะสึ ออนเซ็น, โอดะ

ปิดท้ายวันแรกกันด้วย “ยูโนะสึ ออนเซ็น” หมู่บ้านบ่อน้ำร้อน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างดี และได้รับการยอมรับทางการแพทย์ ในด้านการบำรุงรักษาสุขภาพร่างกาย และผิวพรรณ อีกทั้งยังได้รับการโหวตจากหลายสำนักให้เป็นหนึ่งในออนเซ็นที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วยครับ บรรยากาศภายใน จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในด้านความเก่าจริงของอาคารบ้านเรือน ไม่ใช่เก่าแบบปรุงแต่ง หรือถูกสร้างออกมาให้ดูเก่าแต่อย่างใด ทำให้ร้านค้า และคาเฟ่ต่าง ๆ ที่เปิดให้บริการนั้น จึงถูกคุมโทนอยู่ในธีมย้อนยุคไปโดยปริยาย สำหรับวาฬแล้ว เมื่อเทียบกับเมืองออนเซ็นที่เคยไปมา วาฬขอแอบให้คะแนน ยูโนะสึ ออนเซ็น มากกว่าเป็นพิเศษเลยครับ

ความเจริญรุ่งเรืองของ ยูโนะสึ ออนเซ็น เมื่อครั้งอดีตนั้น เริ่มต้นจากการเป็นจุดแวะพัก บนเส้นทางการขนส่งแร่เงิน จากเหมืองอิวามิ (Iwami Ginzan) ไปยังเมืองท่าชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น ทำให้มีการตั้ง บ้านเรือน เรียวกัง และโรงอาบน้ำสาธารณะ เพื่อรองรับผู้มาเยือน และคึกคักเช่นนี้มาโดยตลอด

สำหรับคนรักการแช่ออนเซ็น วาฬขอแนะนำ โรงอาบน้ำสาธารณะชื่อดัง ที่ใช้น้ำแร่จากตาน้ำธรรมชาติจริง ๆ 2 แห่ง ซึ่งโด่งดังและเก่าแก่ที่สุด นั่นก็คือ ยาคุชิยุ (Yakushiyu) และ โมโตยุ (Motoyu) ควรมาลองมากครับ จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากการใช้บริการของเรียวกังที่เราพักมากเลยฮะ

อีกหนึ่งไฮไลท์ของ ยูโนะสึ ออนเซ็น ก็คือ การแสดง “อิวามิคางุระ” (Iwami Kagura) ละครสวมหน้ากากร่ายรำสไตล์ญี่ปุ่น ที่มีเรื่องราว อ้างอิงมาจากตำนานอันโด่งดังของศาสนาชินโต โดยเราสามารถเข้าชมได้ที่ “ศาลเจ้าทาสึโนะ โงเซ็น” (Tatsuno-gozen Shrine) เฉพาะช่วงกลางคืน (ประมาณ 2 ทุ่ม) ของวันเสาร์เท่านั้นครับผม

พิกัด: https://goo.gl/maps/AWoFEMR5SML2

การเดินทาง: จาก JR สถานี Izumoshi นั่งสาย San – In ปลายทาง Hamada ไปลงสถานี Yunotsu ใช้เวลา 1 ชั่วโมง แล้วเดินต่อไปยัง Yunotsu Onsen ประมาณ 15 นาที หรือนั่งรถบัส (คล้ายๆรถตู้) จากหน้าสถานีไปยังออนเซ็น

เว็บไซต์: https://www.kankou-shimane.com/en/?p=685


ตามอ่านตอนที่ 2

ที่เที่ยวอื่นๆในจังหวัด Shimane
>> ศาลเจ้า Izumo Taisha
>> หาด Inasanohama
>> พิพิธภัณฑ์ทรายนิมะ ( Nima Sand Museum )
>> ยูโนะสึ ออนเซ็น (Yunotsu Onsen)
>> Iwami Ginzan World Heritage Center และ หมู่บ้าน Omori
>> ปราสาท Matsue

หรือ ติมตามข่าวสารของจังหวัด Shimane เพิ่มเติมที่ Facebook ของทางจังหวัด Shimane >> https://www.facebook.com/shimane.th/

Klook.com